ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 ธันวาคม 2562 - 2 มกราคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | คลุกวงใน |
ผู้เขียน | พิศณุ นิลกลัด |
เผยแพร่ |
ทุกๆ ช่วงส่งท้ายปีเก่า เหล่ากูรูด้านฟิตเนสและสุขภาพทั่วโลกก็จะมาร่วมกันทำโพลสำรวจของวิทยาลัยเวชศาสตร์การกีฬาแห่งสหรัฐอเมริกา (American College of Sports Medicine) เพื่อแสดงความคิดเห็นและจัดอันดับว่าเทรนด์การออกกำลังกายแบบใดบ้างที่จะมาแรงที่สุดในปีหน้า
ครั้งนี้เป็นปีที่ 14 ของการทำสำรวจซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ละปีเทรนด์การออกกำลังกายมีการเปลี่ยนแปลงอันดับทุกครั้ง
สำหรับ 3 อันดับแรกของเทรนด์ฟิตเนสที่จะมาแรงในปี 2020 คือ…
อันดับ 3 ออกกำลังกายแบบกลุ่ม (Group training)
คือการฝึกออกกำลังที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปต่อครูผู้สอน 1 คน
เช่น คลาสปั่นจักรยาน คลาสเต้น และเวตเทรนนิ่งแบบกลุ่ม
การฝึกแบบ Group training ช่วยให้รู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่สนุกและได้เข้าสังคม พบเจอกับคนที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กัน
มีเพื่อนๆ ช่วยผลักดันให้ทุกคนบรรลุเป้าหมาย
อันดับ 2 ออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง (High-Intensity Interval Training)
HIIT (ฮิต) คือการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้นๆ สลับกับการออกกำลังกายเบาๆ
ซึ่งการออกกำลังแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที แต่มีประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานสูงมาก
เพิ่มความอึด
อีกทั้งยังเสริมสร้างสุขภาพของสมอง
บรรเทาความเครียด ปรับปรุงการทำงานของร่างกายให้ประสานกัน ลดต้นเหตุของการเกิดโรคเรื้อรัง
จึงเป็นการออกกำลังกายยอดนิยมอันดับต้นๆ มาทุกปีตั้งแต่ครั้งที่ขึ้นไปติดอันดับ 1 เมื่อปี 2014
อันดับ 1 เทคโนโลยีแบบสวมใส่ (Wearable technology)
อุปกรณ์สมัยใหม่ที่เรียกว่า Fitness tracker หรือ Smart watch ซึ่งมีหน้าที่คอยติดตามและเก็บสถิติการทำงานของร่างกายผู้สวมในแต่ละวัน
เช่น นับจำนวนก้าวการเดิน ระยะทางที่เดิน แคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญ วัดการเต้นของหัวใจ ตรวจคุณภาพในการนอนหลับ คอยเตือนให้เราลุกขึ้นไปออกกำลังกาย และอื่นๆ
อุปกรณ์สวมใส่เหล่านี้กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่ชอบออกกำลังกาย และจะยังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2020 เพราะบริษัทต่างๆ เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความแม่นยำและมีลูกเล่นมากมายในการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้สวมใส่
เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 95,000 ล้านดอลลาร์ (2,870,000 ล้านบาท)
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ทาง Google ได้ประกาศจะซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Fitbit ผู้ผลิต Fitness tracker ชื่อดัง เป็นจำนวนเงิน 2,100 ล้านดอลลาร์ (63,300 ล้านบาท)
จึงไม่น่าแปลกใจที่อุปกรณ์สวมใส่จะเป็นเทรนด์ฟิตเนสยอดนิยมในปีที่กำลังจะมาถึง
เทรนด์การออกกำลังกายมีความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย
ซึ่งนอกเหนือจาก 3 อันดับที่กล่าวข้างต้น ยังมีการออกกำลังกายแปลกๆ ที่ผ่านวิวัฒนาการ ปรับปรุง ผสานรูปแบบออกกำลังกายดั้งเดิมให้กลายมาเป็นการออกกำลังรูปแบบใหม่ ที่อาจช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หรืออาจสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น และออกกำลังกายได้นานขึ้นกว่าเดิม
สำหรับการออกกำลังกายที่น่าสนใจในปี 2020
มีดังนี้
1.โยคะยิน (Gin Yoga)
เป็นโยคะที่ผสานการดื่มเหล้ายินหรือจิน ที่ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ผสมกับผลจูนิเปอร์และเครื่องสมุนไพร มีต้นตำรับที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ การดื่มยินในระดับปานกลางขณะเล่นโยคะไปด้วยจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยเรื่องการผ่อนคลายและทำท่าโยคะได้ง่ายขึ้น
2. ออกกำลังแบบเปลือยกาย (Naked Workouts)
ไม่ว่าจะเป็นโยคะนู้ด หรือการออกกำลังอื่นๆ ที่ไม่ต้องการเสื้อผ้าและเทคโนโลยีแบบสวมใส่ เพื่อให้เราผ่อนคลายจากทุกสิ่งและเข้าถึงธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าการออกกำลังแบบนี้อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน เพราะเราอาจจะไม่สะดวกใจที่ไปเปลือยกายต่อหน้าทุกคนในคลาส แต่ก็เป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่จะมีคนสนใจมากขึ้นในปี 2020
3. ออกกำลังอย่างมีสติ (Mindful Workout)
เวลาที่ออกกำลังกายเรามักจะอยากหาสิ่งที่มาดึงความสนใจของเราออกไปจากการออกกำลังกายนั้นๆ เช่น ฟังเพลงโปรดขณะออกกำลังกาย ปล่อยใจเป็นอิสระ เพื่อไม่ให้เรารู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยล้าไว
แต่การทำแบบนั้นเราอาจออกกำลังกายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำแบบให้จบๆ ไป
ซึ่งความจริงแล้วการออกกำลังกายด้วยสติเราจะสามารถจดจ่อกับวิธีการหายใจ รักษาท่าทางการเคลื่อนไหวให้ถูกต้อง จับความรู้สึกตัวเองในการออกกำลังแต่ละครั้ง ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ลดความเครียด
และเพิ่มความพึงพอใจเมื่อเราออกกำลังกายเสร็จ
ปัจจุบันสตูดิโอออกกำลังกายมากมายให้ความสำคัญกับเรื่องจิตวิญญาณและสุขภาพจิตใจมากขึ้น ในปี 2020 ก็จะได้เห็นสตูดิโอต่างๆ นำเสนอวิธีการบำบัดที่นอกเหนือจากการออกกำลังกายแบบดั้งเดิม
ยกตัวอย่างเช่น การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) การนั่งสมาธิ (Meditation) การฝึกลมหายใจ (Breathing) การนวดผ่อนคลาย (Massage) และบำบัดลอยตัวในน้ำ (Flotation Tank Therapy) ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายและชำระล้างความเครียดในจิตใจ
ปี 2020 สตูดิโอที่นำเสนอความหลากหลายในการดูแลสุขภาพจะได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักการออกกำลังกาย