พิศณุ นิลกลัด : โฉมหน้าเทรนด์ออกกำลังกายปี 2020

พิศณุ นิลกลัด

ทุกๆ ช่วงส่งท้ายปีเก่า เหล่ากูรูด้านฟิตเนสและสุขภาพทั่วโลกก็จะมาร่วมกันทำโพลสำรวจของวิทยาลัยเวชศาสตร์การกีฬาแห่งสหรัฐอเมริกา (American College of Sports Medicine) เพื่อแสดงความคิดเห็นและจัดอันดับว่าเทรนด์การออกกำลังกายแบบใดบ้างที่จะมาแรงที่สุดในปีหน้า

ครั้งนี้เป็นปีที่ 14 ของการทำสำรวจซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ละปีเทรนด์การออกกำลังกายมีการเปลี่ยนแปลงอันดับทุกครั้ง

สำหรับ 3 อันดับแรกของเทรนด์ฟิตเนสที่จะมาแรงในปี 2020 คือ…

 

อันดับ 3 ออกกำลังกายแบบกลุ่ม (Group training)

คือการฝึกออกกำลังที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปต่อครูผู้สอน 1 คน

เช่น คลาสปั่นจักรยาน คลาสเต้น และเวตเทรนนิ่งแบบกลุ่ม

การฝึกแบบ Group training ช่วยให้รู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่สนุกและได้เข้าสังคม พบเจอกับคนที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กัน

มีเพื่อนๆ ช่วยผลักดันให้ทุกคนบรรลุเป้าหมาย

 

อันดับ 2 ออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง (High-Intensity Interval Training)

HIIT (ฮิต) คือการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้นๆ สลับกับการออกกำลังกายเบาๆ

ซึ่งการออกกำลังแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที แต่มีประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานสูงมาก

เพิ่มความอึด

อีกทั้งยังเสริมสร้างสุขภาพของสมอง

บรรเทาความเครียด ปรับปรุงการทำงานของร่างกายให้ประสานกัน ลดต้นเหตุของการเกิดโรคเรื้อรัง

จึงเป็นการออกกำลังกายยอดนิยมอันดับต้นๆ มาทุกปีตั้งแต่ครั้งที่ขึ้นไปติดอันดับ 1 เมื่อปี 2014

 

อันดับ 1 เทคโนโลยีแบบสวมใส่ (Wearable technology)

อุปกรณ์สมัยใหม่ที่เรียกว่า Fitness tracker หรือ Smart watch ซึ่งมีหน้าที่คอยติดตามและเก็บสถิติการทำงานของร่างกายผู้สวมในแต่ละวัน

เช่น นับจำนวนก้าวการเดิน ระยะทางที่เดิน แคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญ วัดการเต้นของหัวใจ ตรวจคุณภาพในการนอนหลับ คอยเตือนให้เราลุกขึ้นไปออกกำลังกาย และอื่นๆ

อุปกรณ์สวมใส่เหล่านี้กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่ชอบออกกำลังกาย และจะยังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2020 เพราะบริษัทต่างๆ เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีให้มีความแม่นยำและมีลูกเล่นมากมายในการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้สวมใส่

เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 95,000 ล้านดอลลาร์ (2,870,000 ล้านบาท)

 

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ทาง Google ได้ประกาศจะซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Fitbit ผู้ผลิต Fitness tracker ชื่อดัง เป็นจำนวนเงิน 2,100 ล้านดอลลาร์ (63,300 ล้านบาท)

จึงไม่น่าแปลกใจที่อุปกรณ์สวมใส่จะเป็นเทรนด์ฟิตเนสยอดนิยมในปีที่กำลังจะมาถึง

 

เทรนด์การออกกำลังกายมีความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย

ซึ่งนอกเหนือจาก 3 อันดับที่กล่าวข้างต้น ยังมีการออกกำลังกายแปลกๆ ที่ผ่านวิวัฒนาการ ปรับปรุง ผสานรูปแบบออกกำลังกายดั้งเดิมให้กลายมาเป็นการออกกำลังรูปแบบใหม่ ที่อาจช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หรืออาจสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น และออกกำลังกายได้นานขึ้นกว่าเดิม

สำหรับการออกกำลังกายที่น่าสนใจในปี 2020

มีดังนี้

 

1.โยคะยิน (Gin Yoga)

เป็นโยคะที่ผสานการดื่มเหล้ายินหรือจิน ที่ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ผสมกับผลจูนิเปอร์และเครื่องสมุนไพร มีต้นตำรับที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ การดื่มยินในระดับปานกลางขณะเล่นโยคะไปด้วยจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยเรื่องการผ่อนคลายและทำท่าโยคะได้ง่ายขึ้น

2. ออกกำลังแบบเปลือยกาย (Naked Workouts)

ไม่ว่าจะเป็นโยคะนู้ด หรือการออกกำลังอื่นๆ ที่ไม่ต้องการเสื้อผ้าและเทคโนโลยีแบบสวมใส่ เพื่อให้เราผ่อนคลายจากทุกสิ่งและเข้าถึงธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าการออกกำลังแบบนี้อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน เพราะเราอาจจะไม่สะดวกใจที่ไปเปลือยกายต่อหน้าทุกคนในคลาส แต่ก็เป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่จะมีคนสนใจมากขึ้นในปี 2020

3. ออกกำลังอย่างมีสติ (Mindful Workout)

เวลาที่ออกกำลังกายเรามักจะอยากหาสิ่งที่มาดึงความสนใจของเราออกไปจากการออกกำลังกายนั้นๆ เช่น ฟังเพลงโปรดขณะออกกำลังกาย ปล่อยใจเป็นอิสระ เพื่อไม่ให้เรารู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยล้าไว

แต่การทำแบบนั้นเราอาจออกกำลังกายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำแบบให้จบๆ ไป

ซึ่งความจริงแล้วการออกกำลังกายด้วยสติเราจะสามารถจดจ่อกับวิธีการหายใจ รักษาท่าทางการเคลื่อนไหวให้ถูกต้อง จับความรู้สึกตัวเองในการออกกำลังแต่ละครั้ง ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ลดความเครียด

และเพิ่มความพึงพอใจเมื่อเราออกกำลังกายเสร็จ

 

ปัจจุบันสตูดิโอออกกำลังกายมากมายให้ความสำคัญกับเรื่องจิตวิญญาณและสุขภาพจิตใจมากขึ้น ในปี 2020 ก็จะได้เห็นสตูดิโอต่างๆ นำเสนอวิธีการบำบัดที่นอกเหนือจากการออกกำลังกายแบบดั้งเดิม

ยกตัวอย่างเช่น การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) การนั่งสมาธิ (Meditation) การฝึกลมหายใจ (Breathing) การนวดผ่อนคลาย (Massage) และบำบัดลอยตัวในน้ำ (Flotation Tank Therapy) ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายและชำระล้างความเครียดในจิตใจ

ปี 2020 สตูดิโอที่นำเสนอความหลากหลายในการดูแลสุขภาพจะได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักการออกกำลังกาย