พิศณุ นิลกลัด : เพราะอะไร สเก็ตลีลาจึงน่าดู?

พิศณุ นิลกลัด

หน้าหนาวของไทย เริ่มต้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา

ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงวันที่ 29 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส

หน้าหนาวไทย อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยประมาณ 20 องศาเซลเซียส เท่ากับฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูร้อนในประเทศแถบตะวันตก ที่หน้าหนาวของเขาในหลายประเทศ หนาวแบบติดลบจนน้ำเป็นน้ำแข็ง

 

ตอนนี้ซีกโลกทางฟากตะวันตกเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลการแข่งขันสเก็ตลีลา หรือ Figure skating (ฟิกเกอร์ สเก็ตติ้ง)

การแข่งขันสเก็ตลีลารายการใหญ่ของโลก ISU Grand Prix of Figure Skating เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่18 ตุลาคม และจะสิ้นสุดวันที่ 8 ธันวาคม เป็นการแข่งขัน 7 สัปดาห์รวดติดต่อกัน ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เก็บคะแนน 7 รายการของนักสเก็ตหญิงและชายระดับโลก จัดโดย ISU (International Skating Union) หรือสหพันธ์สเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ

เพราะอะไรสเก็ตลีลาจึงเป็นหนึ่งในกีฬาที่คนสนใจดูมากที่สุดในการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวและโอลิมปิกฤดูหนาว?

เหตุผลอย่างแรกคือความอิ่มเอมและเพลินตาเพลินใจที่จะได้เห็นนักสเก็ตโชว์ท่วงท่าสวยงาม

ประการที่สอง ความหวาดเสียว ระทึกใจเวลานักกีฬาเล่นท่ายาก ดูไปลุ้นไปว่าจะผ่านไปได้ด้วยดีรึเปล่า

อย่างที่สามคือเสื้อผ้าของนักสเก็ตแต่ละคนมีความสวยงาม เสียงดนตรีประกอบการแสดงไพเราะ

ต่อให้เราไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้การแข่งขันสเก็ตลีลา ก็ยังสามารถดูเพื่อความบันเทิงได้

 

นอกจากทักษะสเก็ตน้ำแข็งที่ยอดเยี่ยมแล้ว เสื้อผ้ายังถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

ชุดที่สวม สวยอย่างเดียวไม่พอ

จะต้องไปด้วยกันกับดนตรีและเรื่องราวที่นักสเก็ตต้องการสื่อออกมาในโชว์ด้วย

หลายคนอาจมีคำถามมากมายเกี่ยวกับเสื้อผ้าของนักสเก็ตลีลา เช่น ใครคือคนออกแบบ ทำไมจึงออกแบบด้วยเสื้อผ้ารัดรูป มีเครื่องประดับแวววาว และมีผ้าตาข่ายสีเนื้อ เสื้อผ้าแต่ละชุดมีราคาเท่าไร

จอห์นนี่ เวียร์ (Johnny Weir) อดีตนักสเก็ตลีลาชาวอเมริกัน ที่แต่งตัวสุดเปรี้ยว และปัจจุบันเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า และเป็นผู้บรรยายการแข่งขันทางโทรทัศน์ บอกว่าเสื้อผ้าของนักสเก็ตลีลาออกแบบด้วยแนวคิดว่าคุณกำลังจะสวมชุดนี้ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิต ทุกรูปภาพและวิดีโอที่ปรากฏออกไปจะคงอยู่ตลอดกาล

ดังนั้น เสื้อผ้าของนักสเก็ตลีลาแต่ละชุดจึงสั่งทำพิเศษ เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ทั้งทักษะและเวลามาก นี่ยังไม่รวมเวลาประดับอัญมณีเทียมบนเนื้อผ้าอีกหลายร้อยชิ้น ซึ่งเมื่อคิดรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว หนึ่งชุดจะมีราคาตั้งแต่ 1,500-5,000 ดอลลาร์ (45,000-150,000 บาท)

 

ยิ่งถ้ามีดีไซเนอร์ชื่อดังมาออกแบบเสื้อผ้าให้ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก อย่าง 2 นักสเก็ตลีลาระดับท็อปของอเมริกา คือ แนนซี่ เคอร์ริแกน (Nancy Kerrigan) และมิเชลล์ ควาน (Michelle Kwan) เคยได้ วีรา แวง (Vera Wang) ดีไซเนอร์ดังชาวอเมริกันเชื้อสายจีนมาออกแบบเสื้อผ้าให้สวมในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว

วีรา แวง เคยเป็นนักสเก็ตลีลาสมัยเด็ก เป็นดีไซเนอร์ดังของโลก ชุดแต่งงานแบรนด์ของเธอมีราคาเป็นหลักหลายแสนบาทจนถึงล้านบาท เป็นที่นิยมของบรรดาเซเลบทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

วีรา แวง ออกแบบเสื้อผ้าให้แนนซี่ เคอร์ริแกนสวมในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1992 กับ 1994 และออกแบบให้มิเชลล์ ควาน สวมแข่งขันในปี 1998 และ 2002

เนื้อผ้าที่ใช้ออกแบบชุดให้นักสเก็ตลีลาส่วนใหญ่เป็นผ้ายืดรัดรูปแบบไลคร่า (Lycra) หรือเส้นใยสแปนเด็กซ์ (Spandex) ซึ่งมีความบางเบา แต่เมื่อมารวมกับอัญมณีและเครื่องประดับต่างๆ ก็ทำให้ชุดหนึ่งมีน้ำหนักกิโลกว่า ๆ ซึ่งจอห์นนี่ เวียร์ บอกว่าเขาเคยมีชุดสเก็ตที่น้ำหนักเกือบ 1 กิโลครึ่ง

ถ้ามองเผิน ๆ เราจะเห็นว่าชุดนักสเก็ตลีลาหญิงมองเห็นแค่เสื้อท่อนบนกับกระโปรง และค่อนข้างเปิดเผยให้เห็นเนื้อหนังมังสา

แต่ความจริงเป็น “ภาพลวงตา” เพราะกติกาการแข่งขันระบุว่าร่างกายของนักสเก็ตอย่างน้อย 50% จะต้องปกปิดด้วยเสื้อผ้าอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น ผ้าตาข่ายสีเนื้อ (Skin-tone mesh) จึงเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบให้มีผ้าปกคลุมร่างกายนักสเก็ตถึง 50% แต่ก็ยังดูมีความสวยงามเซ็กซี่ ซึ่งแน่นอนว่านักสเก็ตไม่สามารถแยกสวมท่อนบนชิ้นหนึ่งและกระโปรงอีกชิ้นหนึ่งเหมือนกับชุดทูพีซได้ นอกจากว่าท่อนบนและท่อนล่างจะเย็บติดกันด้วยผ้าตาข่ายสีเนื้อ

 

ย้อนกลับไปในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1988 ที่คาลการี (Calgary) ประเทศแคนาดา เดบี ธอมัส (Debi Thomas) นักสเก็ตลีลาหญิงจากสหรัฐ ซึ่งได้เหรียญทองแดงโอลิมปิกครั้งนั้น เป็นคนแรกๆ ที่สวมชุดกางเกงขายาวรัดรูป (Unitard) ลงแข่งขัน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีกฎห้ามนักสเก็ตหญิงสวมชุดรัดรูปหรือกางเกงขายาวลงแข่งสเก็ตลีลาอีก

กระทั่งปี 2006 กฎข้อห้ามนี้ก็ยกเลิกไป ซึ่งปัจจุบันเราก็จะเห็นนักสเก็ตลีลาหญิงบางคนเปลี่ยนจากชุดกระโปรงสั้นหรือเดรส มาสวมชุดรัดรูปแทน

แต่ตามกฎของสหพันธ์สเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ กำหนดให้นักสเก็ตหญิงที่แข่งขันสเก็ตลีลาประเภท Ice dance ยังต้องสวมชุดกระโปรงหรือเดรสอยู่เหมือนเดิม

 

ชุดของนักสเก็ตหญิงบางคนเป็นกระโปรงสั้นที่โชว์ท่อนขาสวย ๆ ตัดกับสีรองเท้าสเก็ต แต่บางคนสวมถุงน่องสีเนื้อคลุมตั้งแต่โคนขาไปถึงรองเท้าสเก็ตจนเป็นเนื้อเดียวกันเลย ซึ่งผู้ชมทางบ้านเห็นแล้วอาจรู้สึกตลก แต่ความจริงแล้วการทำแบบนี้มีประโยชน์ต่อคะแนนด้านความงาม (Aesthetics) มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักสเก็ตที่ตัวเล็ก เพราะจะช่วยสร้างภาพลวงตาให้ดูเหมือนว่านักสเก็ตตัวสูง 180 เซนติเมตร

อย่างเช่น ซาช่า โคเฮน (Sasha Cohen) ที่ได้เหรียญเงินโอลิมปิกในการแข่งขันที่ตูริน ปี 2006 ซึ่งเธอสูงเพียงแค่ 158 เซนติเมตร

 

สําหรับชุดของนักสเก็ตผู้ชาย จอห์นนี่ เวียร์ เล่าว่า กว่าที่จะมีชุดสีสันฉูดฉาดบาดตาอย่างในปัจจุบัน นักสเก็ตชายในสมัยก่อนมีภาพลักษณ์ที่เคร่งขรึม จึงไม่แปลกที่จะเห็นนักสเก็ตชายในอดีตสวมสูทหรือเสื้อสเวตเตอร์วาดลวดลายบนน้ำแข็งในทศวรรษที่ 40, 50 และ 60 ก่อนที่จะเหลือแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวอย่างทุกวันนี้ แต่อาจจะมีบางคนที่ยังสวมสูทเพื่อดูคลาสสิคและภูมิฐาน

การที่มีเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแยกชิ้นกันทำให้ผู้ชายต้องระวังเรื่องการชูแขนขึ้นสูงแล้วชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง ซึ่งจะเป็นภาพที่ดูไม่เรียบร้อย แต่จอห์นนี่ก็เผยเคล็ดลับว่ามีกางเกงในแบบพิเศษที่เชื่อมติดกับเสื้อเชิ้ตซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าอยู่เป็นที่เป็นทางไม่หลุดลุ่ย

อีกอย่างหนึ่งที่ผู้ชายต้องระวังคือ มีกฎห้ามนักสเก็ตชายสวมกางเกงแนบเนื้อ (tight) แบบผู้หญิง อนุญาตให้สวมกางเกงขายาวทรงสลิม (tapered pants) ได้ แต่ถ้าเห็นว่าเป็นกางเกงแนบเนื้อจะโดนตัดคะแนน

หวังว่าบทความชิ้นนี้จะมีส่วนช่วยให้แฟนกีฬาชมสเก็ตลีลาทั้งจากข่าว สารคดี ถ่ายทอดทั้งสดและแห้งสนุกขึ้นครับ