เงาปีศาจ : ผู้ตัดสิน (สีเทา) ฟุตบอลไทย มะเร็งร้ายที่ต้องรีบ “กำจัด”!

ใครได้ดูฟุตบอล” “ไทยลีก” นัดรองสุดท้ายของฤดูกาล คู่ระหว่าง “ปราสาทสายฟ้า” “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” กับ “สิงห์เจ้าท่า” “การท่าเรือ เอฟซี” คงรู้สึกแบบเดียวกันหมดว่า เกมเตะนัดดังกล่าวมีอะไรไม่ชอบมาพากลหลายต่อหลายกรณี

แมตช์ระหว่างเด็กๆ ของ “เนวิน ชิดชอบ” กับเด็กๆ ของ “นวลพรรณ ล่ำซำ” สู้กันอย่างเต็มที่ สู้กันด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และศักดิ์ศรีความเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ

แต่กลับต้องมีมีร่องรอยด่างพร้อยให้แฟนบอลไทยจดจำภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของวงการฟุตบอลไทย…

เกมนี้จบลงด้วยผลการแข่งขัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะการท่าเรือไป 3-1 ประตู พร้อมกับดับฝันการท่าเรือที่จะไปลุ้นแชมป์ในนัดสุดท้าย ทำให้เหลืออีกเพียง 2 ทีมที่แย่งแชมป์กันคือ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” กับ “กว่างโซ้งมหาภัย” “เชียงราย ยูไนเต็ด”

สกอร์ที่ออกมา 3-1 ดูเหมือนรูปเกมจะขาด ดูเหมือนว่าการท่าเรือจะสู้ไม่ได้

แต่ไม่ใช่เลย สาเหตุหลักประเด็นสำคัญที่แฟนบอลทั่วประเทศแม้กระทั่งแฟนบอลของทีมเจ้าถิ่นอย่างชาว จ.บุรีรัมย์ เองยังรับไม่ได้ นั่นคือ ทีมงานผู้ตัดสินที่ท็อปฟอร์มจนสมควรได้แมนออฟเดอะแมตช์ไปครอง

 

เกมดังกล่าว ผู้ตัดสินที่ประกอบด้วย “นที ชูสุวรรณ” เป็นผู้ตัดสินที่ 1, “ธเนศ ชูชื่น” เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินคนที่ 1 และ “อภิชิต โนพวน” เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินคนที่ 2 เป่าช่วยให้บุรีรัมย์แบบชัดเจน ชัดจนน่าเกลียด ชัดจนแฟนบอลทั้งประเทศเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า การท่าเรือไม่ได้แพ้บุรีรัมย์ แล้วพลาดแชมป์

แต่การท่าเรือแพ้ผู้ตัดสิน จนพลาดแชมป์ต่างหาก เป็นความพ่ายแพ้ที่น่ายกย่องของทีมการท่าเรือ ขณะเดียวกันกลับกลายเป็นชัยชนะที่ไม่น่าภาคภูมิใจของทีมยักษ์ใหญ่แห่งภาคอีสาน เพราะเกมนี้มันดันเป็นเกมชี้เป็นชี้ตายการแย่งแชมป์ของทั้งสองทีมด้วยนั่นเอง

ที่ว่าผู้ตัดสินท็อปฟอร์มนั้น จังหวะแรกเป็นจังหวะที่บุรีรัมย์ไล่ตีเสมอการท่าเรือ 1-1 จาก “นาสเซอร์ บาราซิต” นาทีที่ 34 จังหวะนั้น นาสเซอร์ บาราซิต ล้ำหน้าอย่างชัดเจน แต่ผู้ตัดสินและผู้ช่วยทำเป็นมองไม่เห็น เจตนาให้บุรีรัมย์ได้ประตูแบบแฟนบอลงงกันเป็นไก่ตาแตก

อีกจังหวะที่เป็นประเด็นเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง เป็นจังหวะที่ “นาสเซอร์ บาราซิต” โดนเอเลียต ดอเลาะห์ กองหลังการท่าเรือทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษแต่บอลไหลไปเข้าทางของ “ศศลักษณ์ ไหประโคน” ซึ่งผู้ตัดสินนที ชูสุวรรณ ชูมือให้เล่นต่อไปเป็นจังหวะได้เปรียบของทีมบุรีรัมย์ แต่จังหวะดังกล่าว ศศลักษณ์ซัดบอลข้ามคานออกหลังไป เมื่อผู้ตัดสินเห็นว่าบอลที่บุรีรัมย์ยิงนั้นข้ามคาน จึงเป่าย้อนหลังให้บุรีรัมย์มาได้ฟรีคิกนอกกรอบจากจังหวะฟาวล์จังหวะแรกแบบที่ผู้เล่นการท่าเรือรุมประท้วงเพราะให้เป็นลูกได้เปรียบไปแล้ว

ซึ่งจังหวะฟรีคิกดังกล่าว เควิน อินเกรโซ่ ปั่นฟรีคิกสุดสวยเข้าประตูไปเป็นประตูชัยให้บุรีรัมย์เอาชนะการท่าเรือไป 3-1 จ่อคว้าแชมป์แบบที่ค้านสายตาแฟนบอล

 

“มาดามแป้ง” “นวลพรรณ ล่ำซำ” ประธานสโมสรการท่าเรือ บอกว่า การท่าเรือจะไม่มีการประท้วงใดๆ ให้ปล่อยไป รู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้ทุกคนตั้งสมาธิ เพราะมีงานใหญ่อย่างเอฟเอ คัพ นัดชิง วันที่ 2 พฤศจิกายน รออยู่ ทุกคนน่าจะเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และยังไง

นอกจากนี้” “มาดามแป้ง” โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ที่แล้วก็แล้วไป… ไม่ตะขิดตะขวงใจ… ?? ถึงยังไงจะจริงใจ รัก ฟุตบอล”

ขณะที่ “โค้ชโชค” “โชคทวี พรหมรัตน์” กุนซือทีมการท่าเรือ เปิดเผยว่า ไม่อยากพูดอะไรมาก ขอขอบคุณน้องๆ นักเตะการท่าเรือทุกคนที่ช่วยกันเล่นอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นให้ภาพมันเล่าเรื่อง

ด้าน “บิ๊กอ๊อด” “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ออกมาบอกหลังเกมว่า ได้ดูเทปและเห็นว่ามีหลายช่วงที่ผู้ตัดสินทำผิดพลาดทั้งที่ทำให้บุรีรัมย์ได้เปรียบ ซึ่งเรื่องนี้มีคณะกรรมการพิจารณาอยู่แล้ว และถ้าการท่าเรือเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนเข้ามาที่สมาคมได้

“ตัวผมเองดูจากเทปวิดีโอก็ไม่สามารถชี้ไปได้ว่า กรณีไหนผิดพลาด อย่างไร ทำให้ใครได้เปรียบ และเสียเปรียบ ซึ่งก็ได้ฟังความคิดเห็นจากผู้มีความรู้ หรือผู้มีประสบการณ์ ถือได้ว่ามีข้อผิดพลาดหลายครั้ง และทำให้เกิดความได้เปรียบและเสียเปรียบทั้งสองทีม” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทยฯ กล่าว

 

ฟุตบอลลีกอาชีพของไทยกำลังถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ ยอดแฟนบอล ยอดคนเข้าดูเกมเตะแต่ละนัดลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะมาตรฐานลีกต่ำลง เพราะมาตรฐานผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่มันตกต่ำลงไป

เรื่องผู้ตัดสินที่เป่าแปลกๆ ในเกมฟุตบอลลีกอาชีพมีมานานแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศเรา ต่างประเทศก็มีให้เห็นบ่อย เพียงแต่เป็นความผิดพลาดกรณีต่างๆ เป็นความผิดพลาดแบบบริสุทธิ์ใจ หรือมีนัยยะแอบแฝง แฟนบอลต้องแยกแยะให้ถูกต้องด้วย

คำถามคือ กรณีที่ผู้ตัดสิน “นที ชูสุวรรณ” ผิดพลาดนั้น นำมาซึ่งความเสียหายแบบร้ายแรงแก่สโมสรการท่าเรือจนถึงขั้นพลาดการลุ้นแชมป์ในนัดสุดท้าย ไม่ว่าผู้ตัดสินจะผิดพลาดแบบบริสุทธิ์ใจ หรือมี” “ใบสั่ง” จากใครก็ตาม แล้วใครจะ” “เยียวยา” ผู้เสียหายอย่างสโมสรการท่าเรือ

แน่นอนว่า ผู้ตัดสินในเกมคู่” “บุรีรัมย์ VS ท่าเรือ” ต้องโดนลงโทษห้ามลงตัดสินฟุตบอลเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ เพราะได้ทำหน้าที่ผิดพลาดจริง แต่คำถามคือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการท่าเรือ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

นี่คือคำถามที่ต้องการคำตอบ…???

 

อดีตผู้ตัดสินชื่อดังระดับ” “ฟีฟ่า” ของเมืองไทยเล่าให้ฟังว่า วงการผู้ตัดสินมีการแอบไปรับงานเป่าช่วยทีมหนึ่งทีมใดนั้นมีอยู่จริง และมีมานานแล้ว เป็นเรื่องที่องค์กรที่ควบคุมยากจะตรวจสอบเพราะเป็นการกระทำผิดของตัวบุคคล สาเหตุที่พวกเขากล้าที่จะแลกกับความเสียหายต่อวิชาชีพ สาเหตุที่กล้าทรยศวิชาชีพนั้น เพราะเม็ดเงิน” “ค่าเยียวยา” มันคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะต้องตกงาน อีกทั้งสมัยนี้มีเรื่องของการพนันฟุตบอล ล็อกผลการแข่งขันซึ่งทำได้ง่ายดายผ่านเว็บไซต์พนันออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว พวกผู้ตัดสินที่ไปเกี่ยวข้องจึงไม่สนใจที่จะยึดมั่นในวิชาชีพที่เรียนมา ที่อบรมกันมาอย่างหนัก

ผู้ตัดสินฟุตบอลเมืองไทยที่ดีๆ มีหลายคน แต่ที่ไม่ดี ที่ทรยศต่อวิชาชีพตัวเองก็มีอีกมากมายหลายคน หลายก๊ก หลายก๊วน

ที่ผ่านมาฟุตบอลลีกอาชีพของไทยมันเริ่มไม่สนุก ไม่เร้าใจเหมือนเมื่อก่อน กระแสเริ่มดร็อปลงไปนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งปฏิเสธความรับผิดชอบกันไม่ได้เลย นั่นคือ การทำหน้าที่ผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งของผู้ตัดสินจนแฟนบอลเริ่มเบื่อ เริ่มเอือมระอา สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สนใจและไม่เข้าไปดูฟุตบอลลีกอาชีพของไทย

กลุ่มก้อนผู้ตัดสิน (เฉพาะพวกสีเทา) โดยการไฟเขียวของ” “ขาใหญ่” รายหนึ่งกำลังลุกลามกลายเป็น” “มะเร็งร้าย” ต่อการพัฒนาฟุตบอลอาชีพของเมืองไทย หากปล่อยไว้ต่อไปเชื้อ” “มะเร็ง” ดังกล่าวจะลุกลามกัดกินวงการจนสุดท้ายล้มหายตายจากกันไป…!!!

หนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตไว้คือ การตัดเนื้อมะเร็งร้ายออกจากวงการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม…!?!?

ว่าแต่จะกล้าทำกันไหมล่ะ…