SearchSri : แกเร็ธ เบล อดีตและปัจจุบันกับราชันชุดขาว

เรื่องราวระหว่าง “แกเร็ธ เบล” และ “ซีเนอดีน ซีดาน” กลายเป็นประเด็นร้อนทางหน้าสื่อชนิดที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า อาจเป็น “สงครามกลางเมือง” ขนาดย่อมๆ ภายในทีม “รีล มาดริด” ทีเดียว

อันที่จริงข่าวคราวความขัดแย้งของทั้งคู่มีมาให้ได้ยินตั้งแต่สมัยซีดานคุมทีมราชันชุดขาวรอบที่แล้ว โดยมีรายงานว่าเบลไม่พอใจที่โดนซีดานจับนั่งสำรองบ่อยครั้งจนคิดย้ายทีม แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นฝ่ายซีดานที่หมดความอดทนกับหลายๆ นโยบายของผู้บริหาร และตัดสินใจไม่ต่อสัญญาแทน

เมื่อกลับไปรับงานคุมทีมมาดริดอีกครั้ง สื่อก็จุดประเด็นดังกล่าวขึ้นมาอีก และสถานการณ์มาพีกถึงขีดสุดในช่วงทัวร์แข่งขันพรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกาไม่กี่วันก่อน เมื่อกุนซือชาวฝรั่งเศสออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้เบลรีบๆ ย้ายทีมช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อประโยชน์กับทุกฝ่าย

แม้ซีดานจะยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับเบลแม้แต่น้อย รวมถึงในเวลาต่อมาก็ส่งเบลลงสนามในนัดอุ่นเครื่อง แต่การออกมาให้สัมภาษณ์แบบไม่มีเยื่อใยดังกล่าวก็ดูจะเป็นการหักหน้าแข้งชาวเวลส์อยู่พอสมควร

พร้อมๆ กับการตั้งคำถามจากวงนอกว่า ผลงานของเบลที่ผ่านมา แย่ขนาดที่ซีดานจะตัดบัวไม่เหลือใยกันเลยอย่างนั้นหรือ?

 

ในแง่สถิติและผลงาน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เบลคือนักเตะสหราชอาณาจักรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในต่างแดน

ก่อนหน้าเขาจะย้ายสู่ถิ่นซานเตียโก้ เบร์นาเบว ในปี 2013 ราชันชุดขาวห่างจากแชมป์ยุโรปมานาน 9 ปีเต็ม และเมื่อมีเบลอยู่ในทีม มาดริดก็คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 4 ครั้งจาก 6 ฤดูกาล ถ้านับเฉพาะช่วงที่เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนระบบการแข่งขันจากยูโรเปี้ยนคัพเป็นแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1992 เบลก็ถือเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” (5 สมัย) เท่านั้น หรือถ้านับประวัติศาสตร์ทั้งหมดของการแข่งขัน เขาก็เป็นอันดับ 12 ตลอดกาลด้วย

นอกจากแชมป์ยุโรปแล้ว เขายังร่วมคว้าแชมป์ลาลีก้ากับโกปา เดล เรย์ อย่างละ 1 สมัย ไม่รวมถ้วยเฉพาะกิจอย่างสโมสรโลก 3 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 3 สมัย และสแปนิช ซูเปอร์คัพ 1 สมัย

ในแง่ผลงานส่วนบุคคล เขาลงสนามให้ราชันรวม 231 นัด ยิงไป 102 ประตู กับ 65 แอสซิสต์

เมื่อเทียบกับตำนานอย่าง “โรนัลโด้” อดีตดาวยิงชาวบราซิเลียนของมาดริด เบลยิงน้อยกว่าเพียง 2 ลูกเท่านั้น และถ้าเทียบสัดส่วนระยะเวลาเฉลี่ยต่อการยิง 1 ประตู เขาจะยิงได้ 1 ลูก ทุกๆ 163 นาที เหนือกว่า “ราอูล” อดีตกองหน้ากัปตันทีมราชัน ที่ทำสถิติยิง 325 ประตู จาก 741 นัด คิดเป็น 184 นาทีต่อ 1 ลูก

เมื่อเทียบกับซีดานสมัยค้าแข้งกับมาดริด เบลลงสนามมากกว่าตำนานแข้งแดนน้ำหอม 4 นัด และยิงมากกว่า 2 เท่าตัว โดยซีดานยิงไป 49 ประตู จากการลงเล่น 227 นัด ส่วนสถิติแอสซิสต์ของซีดาน 66 ลูก เหนือกว่าเบล 1 ลูก

อย่างไรก็ตาม สถิติที่น่าตื่นตาตื่นใจของเบลดังกล่าวถูกลดทอนค่าลงเมื่อนำไปเทียบกับสถิติเหนือมนุษย์ของโรนัลโด้ ที่ยิงไป 450 ประตู กับ 131 แอสซิสต์ จาก 438 เกม คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 84 นาที ต่อ 1 ลูก

 

กระนั้น สิ่งหนึ่งที่อดีตแข้ง “ท็อตแนม ฮอตสเปอร์” ควรได้รับเครดิตเป็นอย่างยิ่งก็คือการทำประตูในเกมสำคัญๆ ให้ทีม โดยเฉพาะเวทีใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เบลยิงประตูในนัดชิงถ้วยยุโรปได้ 3 ประตู ที่จากอดีตถึงปัจจุบัน มีเพียง 3 ตำนานของรีล มาดริด เท่านั้นที่ยิงได้มากกว่า นั่นคือ “อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่” กับ “เฟเรนก์ ปุสกัส” คนละ 7 ประตู และโรนัลโด้ 5 ประตู

ในจำนวน 3 ประตูของเบล คือลูกตีลังกายิงสุดสวยในรอบชิงกับ “ลิเวอร์พูล” เมื่อปีที่แล้ว หลังจากถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในนาทีที่ 61 และใช้เวลาในสนามเพียง 2 นาที ส่งลูกเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูสำคัญที่ช่วยให้มาดริดขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะมาทำอีกประตูจากลูกยิงไกล 30 หลา ประกอบกับความผิดพลาดของนายทวาร “โลริส คาริอุส” ของหงส์แดง จนราชันชนะไป 3-1 คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 13

หลายคนยกให้ลูกตีลังกายิงนั้นเป็นหนึ่งในประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นัดชิงถ้วยยุโรป เพราะนอกจากจะสวยมากแล้วยังเป็นลูกสำคัญที่นำไปสู่ชัยชนะของทีมอีกด้วย

ในแง่ผลงาน เมื่อเทียบกับนักเตะเชื้อสายสหราชอาณาจักรคนอื่นๆ ที่ส่งออกนอกประเทศ เบลก็เหนือกว่าทุกคนทั้งจำนวนถ้วยและจำนวนประตู โดย “สตีฟ แม็กมานามาน” เคยได้ 7 ถ้วยใหญ่เล็กกับมาดริด น้อยกว่าเบล 6 ใบ ขณะที่ “เดวิด เบ๊กแฮม” ยิงรวม 42 ประตู ให้กับ 4 ทีม คือ มาดริด, แอลเอ แกแล็กซี่, เอซี มิลาน และปารีส แซงต์แชร์แมง เคยได้แชมป์ลาลีก้า, ลีกเอิง และเอ็มแอลเอส คัพ อย่างละสมัย

ส่วนตำนานรุ่นเดอะคนอื่นๆ อาทิ เควิน คีแกน หรือจอห์น ชาร์ลส์ อาจจะทำผลงานได้ดีในต่างแดน แต่ก็ยังไม่เหนือกว่าเบลอยู่ดี

 

เหล่านี้ยืนยันได้ว่า ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ผลงานในสนามของเบล ส่วนเรื่องนิสัยนั้น เขาเคยโดนเพื่อนร่วมทีมบ่นเป็นระยะๆ ว่าไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ภาษาหรือวัฒนธรรมในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ซึ่งอาจมีผลกับการให้ใจกันในสนามได้เช่นกัน

แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มลดทอนความตึงเครียดลงเมื่อซีดานยอมส่งเบลลงสนาม แต่กุนซือราชันก็ยืนยันว่า ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่สื่ออังกฤษอ้างว่าเบลอยากอยู่จนครบสัญญา แต่ซีดานทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง

สุดท้ายแล้วอนาคตของแข้งชาวเวลส์จะไปสิ้นสุดตรงไหน เหลือเวลาอีกเพียง 1-2 สัปดาห์ก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัว

อีกไม่นานก็คงได้คำตอบกันแล้ว