SearchSri : ยูเลน โลเปเตกี เมื่อฟ้าผ่ากุนซือกระทิง

ศึก “ฟุตบอลโลก 2018” ที่ประเทศรัสเซีย ยังไม่ทันจะเปิดฉาก ก็มีข่าวใหญ่สะเทือนวงการลูกหนัง เมื่อ “สหพันธ์ฟุตบอลสเปน” ประกาศปลด “ยูเลน โลเปเตกี” ออกจากตำแหน่งโค้ชทีมชาติแบบสายฟ้าแลบในวันที่ 13 มิถุนายน เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน

และก่อนหน้าทีมกระทิงดุประเดิมสนามนัดแรกพบศึกหนักกับ “โปรตุเกส” ในกลุ่มบี เพียง 2 วันเท่านั้น!

ต้นเหตุของการฉีกสัญญาแบบฟ้าผ่าครั้งนี้ เนื่องจากสโมสร “รีล มาดริด” ทีมดังแห่งลาลีก้า สเปน ประกาศข่าวในวันที่ 12 มิถุนายน ว่า ตกลงกับโลเปเตกีเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า เขาจะเข้าไปรับงานคุมทีม “ราชันชุดขาว” ในฤดูกาลหน้า แทน “ซีเนอดีน ซีดาน” หลังจบภารกิจนำทีมลุยศึกเวิลด์คัพ

ข่าวบอกว่าโลเปเตกีเซ็นสัญญา 3 ปี คุมทีมมาดริด โดยแชมป์สโมสรยุโรป 3 ปีซ้อนจะจ่ายเงินชดเชยค่าฉีกสัญญาคุมทีมชาติมูลค่า 2 ล้านยูโร (76 ล้านบาท) ให้กับสหพันธ์ฟุตบอลสเปน

อันที่จริงการยกเลิกสัญญาหรือเปลี่ยนแปลงโค้ชนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกของวงการลูกหนัง แม้แต่การแอบเจรจากันลับหลังสโมสรหรือองค์กรต้นสังกัดก็ยังมีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ

เพียงแต่สิ่งที่ “ผิดมารยาท” เต็มๆ สำหรับกรณีนี้ คือจังหวะเวลาที่กลายเป็นข่าวผ่านสื่อสาธารณะนั่นเอง

 

โลเปเตกีกำลังอยู่ระหว่างเตรียมทีมสู้ศึกใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนัง โดยทีมกระทิงดุถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็ง แถมผลงานการคุมทีมที่ผ่านมาก็ถือว่าสุดยอด คุมทีม 20 นัด ชนะ 14 เสมอ 6 ไม่แพ้ทีมใดเลย จนสหพันธ์ถูกอกถูกใจต่อสัญญาใหม่ให้เขาทำทีมจนถึงปี 2022 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนบอลจะตั้งความหวังไว้สูง แม้แต่นักเตะก็เกิดความฮึกเหิมในบอลโลกหนนี้

ขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย จู่ๆ มาดริดก็ใจร้อนประกาศตั้งโค้ชทีมชาติเป็นโค้ชคนใหม่ของสโมสรล่วงหน้าตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์ยังไม่เริ่ม

เป็นการทำลายขวัญกำลังใจของลูกทีมและความเชื่อมั่นของแฟนบอลทั้งประเทศ

เพราะเหมือนโค้ชไม่ได้ใส่ใจกับทีมมากนัก ผลงานจะดีไม่ดีก็ไม่ต้องหนักใจ เนื่องจากมีงานใหม่ๆ ดีๆ รองรับอยู่แล้ว

ที่สำคัญ สหพันธ์ฟุตบอลสเปนออกมาแถลงว่า สหพันธ์ทราบข่าวเรื่องการเจรจาครั้งนี้ก่อนหน้ามาดริดจะแถลงข่าวเพียง 5 นาทีเท่านั้น!

หมายความว่าทุกอย่างเกิดขึ้นลับหลังองค์กรสูงสุดที่เป็นนายจ้างของโลเปเตกี ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ถือว่าทั้งกุนซือวัย 51 ปี และทีมรีล มาดริด ก็ทำผิดมารยาทของวงการฟุตบอลอย่างมาก

 

ยกตัวอย่างช่วง “ยูโร 2016” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนที่ “เชลซี” ชิงออกข่าวว่า ได้ตกลงว่าจ้าง “อันโตนิโอ คอนเต้” เป็นโค้ชคนใหม่แทน “โจเซ่ มูรินโญ่” ที่โดนปลด ทั้งที่ตอนนั้นคอนเต้กำลังอยู่ระหว่างคุมทีมชาติอิตาลีสู้ศึกยูโร ก็ยังโดนสื่อและแฟนบอลวิจารณ์เละเทะว่าไม่ควรออกข่าวเร็วขนาดนี้ ด้วยเหตุผลแบบเดียวกันว่า ไม่ว่าคอนเต้จะตั้งใจจริงกับงานตรงหน้าหรือไม่ ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ต่อให้ผลงานของ “อัซซูรี่” ออกมาดีไม่ดีก็ไม่มีผลใดๆ กับเจ้าตัว เพราะยังไงก็มีงานดีๆ รองรับอยู่แล้ว

สำหรับการทำงานที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพอย่างนี้ สหพันธ์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลดโลเปเตกีออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน

แล้วแต่งตั้งเฟร์นานโด เอียร์โร่ อดีตกัปตันทีมกระทิงดุ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสหพันธ์ทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพชั่วคราว

 

แม้การเปลี่ยนแม่ทัพตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำสงครามจะทำให้ทีมระส่ำระสายในแง่กำลังใจ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างคาราคาซัง เพราะมั่นใจได้เลยว่า ทุกครั้งที่โลเปเตกีนั่งโต๊ะแถลงข่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังเกม หรือแม้กระทั่งนักเตะเด่นๆ ที่โดนจับมานั่งตอบคำถามสื่อ จะต้องมีประเด็นเกี่ยวกับราชันชุดขาวจากฝั่งนักข่าวขึ้นมากวนใจอย่างแน่นอน

ในทางตรงข้าม การตัดไฟเสียแต่ต้นลม โดยตั้งคนคุ้นเคยของวงการลูกหนังสเปนมาทำหน้าที่แทน อย่างน้อยๆ คงพอเคยร่วมงานกับหลายคนในทีมมาบ้าง อาจจะช่วยปลุกกำลังใจให้ทีมกระทิงดุฮึดสู้ กอดคอกันผ่านอุปสรรคตรงหน้าไปได้ตลอดรอดฝั่ง

เพราะต่อให้ไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า มีคนที่ทั้งสื่อและแฟนๆ เพื่อนร่วมชาติตั้งธงเตรียมชี้เป้าด่าว่าเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวเอาไว้อยู่แล้ว!