ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
เบื้องหลัง ระเบิด แยก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจาก “ประยุทธ์”
หลังกัมปนาทแห่งระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม มีความระมัดระวังเป็นอย่างสูงจาก คสช. และจากรัฐบาล
ไม่เหมือนเหตุการณ์ที่ “ท้าวมหาพรหม” ไม่เหมือนเหตุการณ์ที่ “เกาะสมุย”
ในตอนนั้นทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบวัตถุระเบิดเพิ่งลงไปในพื้นที่ก็มี “บทสรุป” แล้วจากบรรดาโฆษกทั้งหลาย ไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจากกระทรวงกลาโหม และไม่ว่าจะจาก คสช.
ชี้ไปยัง “กลุ่มการเมือง” ชี้ไปยัง “อำนาจเก่า”
ทั้งๆ ที่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วระเบิดที่ท้าวมหาพรหมน่าจะมาจากกรณีของอุยกูร์ ระเบิดที่เกาะสมุยน่าจะมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม กรณีระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แม้ยังไม่สามารถหารากฐานที่มา แต่ก็เด่นชัดอย่างยิ่งว่า 1 มีความสัมพันธ์กับระเบิดเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่หน้ากองสลากกินแบ่ง (เดิม) ถนนราชดำเนินกลาง และเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ข้างโรงละครแห่งชาติ
1 มีเป้าหมายเพื่อก่อกวนและสร้างสถานการณ์ โดย 2 ครั้งแรกไม่ประสงค์ชีวิต แต่ 1 ครั้งหลังมีโอกาสที่จะทำให้บาดเจ็บสาหัสกระทั่งถึงกับเสียชีวิตได้
1 ครั้งหลังนี้เกิดขึ้นในสถานการณ์ 3 ปีรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เป้าหมาย การเมือง
มาจากกลุ่มการเมือง
ไม่ว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ไม่ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สรุปตรงกันว่า
เป็นระเบิดการเมือง มีเป้าหมายทางการเมือง
แต่ด้วยความรอบคอบก็ยังไม่ได้สรุปอย่างมั่นใจว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มใด เป็นกลุ่มการเมืองหรือว่าเป็นกลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
กระนั้น แนวทางสันนิษฐานเดินไป 3 แนวทางด้วยกัน
แนวทาง 1 คือ กลุ่มการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และไม่เห็นด้วยกับ คสช. และรัฐบาล
แนวทาง 1 คือ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
แนวทาง 1 คือ กลุ่มฉวยโอกาสในทางการเมือง
น่าสนใจว่า ไม่ว่านักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่านักเคลื่อนไหวจาก นปช.คนเสื้อแดง ต่างออกมาประณามการลอบวางระเบิดโดยมีเป้าหมายที่โรงพยาบาล ขณะเดียวกันก็ไม่มีปฏิกิริยาหรือความเห็นใดๆ จากกลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
การพุ่งประเด็นไปยัง “กลุ่มฉวยโอกาส” ทางการเมืองจึงมีความเป็นไปได้สูง
เป้าหมาย ระเบิด
ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แม้ระเบิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน มิได้มีแถลงการณ์เด่นชัดว่าอยู่ที่ใด แต่สัมพันธ์กับวันประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
และเกิดขึ้นบนถนนราชดำเนินกลาง
แม้ระเบิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม มิได้มีแถลงการณ์เด่นชัดว่าอยู่ที่ใด แต่สัมพันธ์กับวาระ 7 วันก่อนครบ 3 ปีรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และเกิดในบริเวณใกล้กับท้องสนามหลวง
แต่พอมาถึงระเบิดในวันที่ 22 พฤษภาคม ก็แทบไม่ต้องตีความ
เพราะตรงกับ 3 ปีของรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพราะเป้าหมายของการวางระเบิดอยู่ที่ห้องวงษ์สุวรรณ
เท่ากับตีตรงไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมื่อย้อนกลับไปศึกษาสถานการณ์ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประสบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2559 มายังต้นและกลางปี 2560 ไม่ว่าจะสัมพันธ์กับ “อโลฮา ฮาวาย” ไม่ว่าจะสัมพันธ์กับ “เรือดำน้ำ” ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าเหตุใดจึงต้องเป็นห้องวงษ์สุวรรณ ทำไมจึงต้องเป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำกับและรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง
กลุ่มฉวยโอกาสนี้จึงอาจสัมพันธ์กับกระแสโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ยุทธการ โดดเดี่ยว
ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ท่าทีในทางสังคมในวาระ 3 ปีของรัฐประหารจากกลุ่มที่เริ่มไม่พอใจกับการรัฐประหาร ทาง 1 ยังไม่ได้โจมตีโดยตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเห็นว่าการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังโดดเด่นและเป็นความหวัง
ขณะเดียวกัน ทาง 1 กลับประเมินและวิเคราะห์ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือจุดอ่อนอันอาจทำให้รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มีความเสียหาย
กระแสฟาดกระหน่ำเข้าใส่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงกลายเป็น “เหยื่อ”
เป็นเหยื่อให้กลุ่มทางการเมืองบางกลุ่มฉวยโอกาสร่วมขบวนแห่ไปด้วย และบางส่วนอาจยกระดับไปสู่การวางระเบิด
เป้าหมายอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเป็นด้านหลัก