ไทม์เอาต์ /Red Monster/ส่อหมดเวลา ‘อะเวย์โกล’ เมื่อกฎถูกมองว่าล้าสมัย

ไทม์เอาต์/Red Monster

ส่อหมดเวลา ‘อะเวย์โกล’

เมื่อกฎถูกมองว่าล้าสมัย

 

กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตามองในวงการลูกหนังเมื่อ “เดอะไทม์ส” รายงานว่า คณะกรรมการฝ่ายการแข่งขันระดับสโมสรของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มีมติยกเลิก อะเวย์โกล หรือกฎประตูทีมเยือน

กฎดังกล่าวถูกใช้เพื่อตัดสินหาทีมเข้ารอบของการแข่งขันน็อกเอาต์แบบเหย้า-เยือนมาตั้งแต่ปี 1965 หรือราว 56 ปีแล้ว โดยหากคู่นั้นๆ จบ 2 นัดด้วยผลรวมเสมอกัน ทีมที่สามารถยิงประตูในบ้านของคู่แข่งได้มากกว่าจะเป็นฝ่ายเข้ารอบต่อไป

ว่ากันว่ากฎนี้มีจุดมุ่งหมายคือกระตุ้นให้บุกและยิงประตู มากกว่าเล่นเพลย์เซฟหรือเน้นเกมรับจนการแข่งขันน่าเบื่อ

แต่ปัจจุบันกระแสข่าวระบุคณะกรรมการยูฟ่าหลายคนมองว่ากฎนี้ล้าสมัยไปแล้ว

โดยเฉพาะในช่วงหลังท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 หลายๆ แมตช์ต้องโยกไปเตะสนามกลาง ทำให้ความได้เปรียบของเจ้าถิ่นที่ปกติต้องคุ้นชินและดุดันในรังตัวเองนั้นหายไป และอาจกลายเป็นข้อเสียเปรียบเล็กๆ ด้วยเมื่อเล่นสนามที่ไม่ได้คุ้นที่สุดแต่ต้องแบกความกดดันในฐานะเจ้าบ้าน

มติดังกล่าวจะต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารยูฟ่าอีกครั้ง หากผ่านการรับรองของบอร์ดบริหาร ก็จะยกเลิกกฎนี้ทั้งศึกแชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก และยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ลีกทันที

 

ทั้งนี้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020-2021 ที่เพิ่งจบไปนั้น ทีมดังอย่าง ยูเวนตุส รวมถึงแชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิก ต่างก็ตกรอบน็อกเอาต์ด้วยกฎอะเวย์โกล แม้ทั้งสองทีมต่างได้เล่นในรังเหย้าแท้ๆ ของตัวเองก็ตาม

จึงเป็นคำถามว่า แท้จริงแล้วกฎอะเวย์โกลนั้นยุติธรรมกับทีมที่ตกรอบหรือไม่ คงมีบ้างที่คาใจและเจ็บปวด เพราะสกอร์เท่ากันแท้ๆ แต่ต้องเป็นฝ่ายกลับบ้าน ส่วนฝ่ายชนะก็อาจดีใจไม่สุด แล้วถ้าต่อไปยกเลิกกฎอะเวย์โกล เหลือตัดสินแค่จากสกอร์รวมกับจุดโทษให้เคลียร์ไปเลย จะดีกว่าหรือเปล่า

ซึ่งคนในวงการลูกหนังก็เสียงแตกในประเด็นกฎอะเวย์โกลเช่นกัน

 

อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือดังของ อาร์เซนอล ที่ปัจจุบันทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่านั้นแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ยกเลิกกฎดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง

“กฎอะเวย์โกลนั้นล้าสมัยไปแล้ว ผมเรียกร้องเรื่องนี้มาโดยตลอด หรือบางทีก็ควรไปใช้ตัดสินเอาตอนหลังจบการต่อเวลาพิเศษของเลก 2 ดีกว่า เดิมทีกฎนี้ถูกคิดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดเกมบุกมากขึ้น แต่ปัจจุบันฟุตบอลเปลี่ยนไปแล้ว ทุกวันนี้กฎอะเวย์โกลมีอิทธิพลกับการแข่งขันเกินไป” เวนเกอร์ระบุ

เช่นเดียวกับเมื่อ 3 ปีก่อน เวนเกอร์และบรรดากุนซือดังหลายรายทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่, อูไน เอเมรี่ และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ต่างเรียกร้องให้มีการทบทวนกฎอะเวย์โกล

โดยขณะนั้น จิออร์จิโอ มาร์เค็ตติ รองเลขาธิการยูฟ่า ออกมาระบุว่า บรรดากุนซือดังมองว่าการยิงประตูในฐานะทีมเยือนไม่ได้ยากเหมือนในอดีต แถมยังเป็นการสร้างความได้เปรียบให้ทีมเยือนเกินไป ซึ่งทางยูฟ่าอาจมีการทบทวนกฎนี้

แต่จากนั้นเรื่องก็เงียบไปจนกระทั่งมากลายเป็นกระแสอีกครั้ง ซึ่งดูท่าทางคงถึงเวลาหยิบมาพิจารณาอย่างจริงจัง

 

ขณะที่ล่าสุด เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตแข้งดัง ลิเวอร์พูล ที่ผันตัวเป็นนักวิเคราะห์วิจารณ์ฟุตบอลออกมาสนับสนุนให้กฎนี้ควรใช้ต่อไปเหมือนเดิม โดยยืนยันว่ากฎอะเวย์โกลมีส่วนทำให้เกมฟุตบอลนั้นสนุกและตื่นเต้นมากขึ้น

เดิมทีในอดีตวงการฟุตบอลเคยมีกฎโกลเด้นโกลหรือซิลเวอร์โกลเพื่อสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นให้ยิงประตูมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ยกเลิกไปเนื่องจากถูกวิจารณ์ว่าไม่ยุติธรรม ดังนั้น กฎอะเวย์โกลก็ย่อมสั่นคลอนเช่นกัน

ฝ่ายที่สนับสนุนให้ยกเลิกกับฝ่ายที่อยากให้ใช้กฎนี้ต่อ ต่างมีเหตุผลในมุมของแต่ละคน ซึ่งคงต้องลุ้นกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วยูฟ่าจะเลือกเดินทางไหนต่อ

เพราะถ้ายกเลิกจริงๆ คงเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อยว่าจะส่งผลต่อทิศทางของเกมฟุตบอลให้เปลี่ยนไปแค่ไหน