เขย่าสนาม/เด็กเก็บบอล/ไขข้อข้องใจทำไม ‘ซิโก้ฟีเวอร์’ อิน ‘วีลีก’

เขย่าสนาม/เด็กเก็บบอล [email protected]

 

ไขข้อข้องใจทำไม

‘ซิโก้ฟีเวอร์’ อิน ‘วีลีก’

 

เมื่อช่วงปลายปีก่อนวงการลูกหนังไทยและเวียดนามเจอกับข่าวยักษ์ใหญ่ เมื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตยอดดาวยิงจอมตีลังกาตัดสินใจกลับไปเวียดนามอีกครั้ง เพื่อคุมทีม ฮอง อันห์ ยาลาย ยักษ์หลับทีมหนึ่งของวีลีก เวียดนาม

ในช่วงแรกเชื่อว่ามีทั้งกระแสที่ให้กำลังใจอดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย และบางกระแสที่มองว่าโค้ชซิโก้จะสามารถไปรอดกับการคุมทีมในระดับสโมสรหรือไม่

เนื่องจากเคยเสียความมั่นใจไปครั้งหนึ่งเมื่อตอนคุมทีม “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี (สถิติ 10 นัด ชนะแค่ 1 เสมอ 3 และแพ้ 6 เกม)

ไม่เว้นแม้แต่สื่อเวียดนามเองที่ช่วงแรกก็ปรามาสกุนซือชาวไทยผู้นี้ว่าไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากับตอนที่เขาเคยมาค้าแข้งกับทีมฮอง อันห์ ยาลาย สมัยเป็นนักเตะ

รวมถึงมองว่าทุกวันนี้วีลีกยกระดับมาสูงแล้ว ซิโก้อาจจะทำผลงานได้ไม่ดีเหมือนตอนคุมไทยลีกก็ได้ แถมยังออกสตาร์ตไม่สวยงาม เพราะนัดแรกก็บุกไปแพ้ไซ่ง่อน 0-1 ทำให้เกิดความกังขาขึ้นมาบ้าง

แต่สิ่งที่ซิโก้ทำคือการพิสูจน์ผลงานออกมาในสนาม ทำให้ทีมฮอง อันห์ ยาลาย ทะยานขึ้นมากลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ทันที จากที่ห่างไกลลีกสูงสุดมานาน 17 ปีด้วยกัน เพราะหลังจากที่แพ้ในเกมแรก ก็ยังไม่แพ้ใครอีกเลยมา 10 เกมติดต่อกันแล้ว และช่วงก่อนก็เก็บชัยชนะได้ 7 นัดรวด ใกล้เคียงมากๆ กับการคว้าแชมป์เลกแรกพร้อมเข้าไปเล่นในรอบแชมเปี้ยนชิพ เพื่อลุ้นแชมป์ต่อไป

นอกเหนือจากผลงานในสนามที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีกระแสความนิยมนอกสนาม ที่ไม่ว่าอดีตดาวยิงจอมตีลังกาคนนี้จะทำอะไรก็เป็นกระแสในเวียดนามได้ทั้งหมด อีกทั้งเมื่อมีการเปิดขายบัตรเข้าชมในเกมใดก็ตาม จะมีแฟนบอลไปต่อคิวรอซื้อตั๋วจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าสนามแตกก็ว่าได้

“ถามว่าทำไมถึงเกิดกระแสซิโก้ฟีเวอร์อินเวียดนามขึ้นมาได้ล่ะ?”

 

อันดับแรกเลย ต้องบอกว่า ซิโก้คือตำนานคนหนึ่งของลูกหนังเวียดนาม ย้อนกลับไปเมื่อสมัยซิโก้หอบเสื้อผ้าบินข้ามไปเล่นยัง วีลีก ในตอนนั้น มีแฟนบอลมาต้อนรับเรือนหมื่นคน และยังพาทีมคว้าแชมป์อย่างมากมาย จนสโมสรต้องยกเลิกเบอร์ 13 ของซิโก้ ขึ้นหิ้งเอาไว้ไม่ให้ใครใช้อีกเลย

นึกภาพดูมันก็เหมือนสิ่งที่เราเห็นบ่อยๆ ในลีกฟุตบอลยุโรป ที่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่มักจะหันกลับไปใช้บริการตำนานนักเตะในทีมตัวเอง อย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใช้โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (ที่อังกฤษเขาไล่เจ้าของ ไม่เคยไล่โซลชาเหมือนประเทศไทยนะครับ)

หรือ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ที่ใช้ ซีเนอดีน ซีดาน เป็นกุนซือ ดังนั้น แฟนบอลจะคอยให้กำลังใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ข้อต่อมา ก็คือสไตล์การทำทีมของกุนซือชาวไทยคนนี้ ขึ้นชื่อเรื่องของการทำฟุตบอลเกมรุกอยู่แล้ว สถิติสมัยคุมทีมชาติไทยนั้นชัดเจนมากกว่าเป็นฟุตบอลเกมรุก สร้างสไตล์การเล่นที่เรียกว่า ติ๊กต็อกตาก้า ขึ้นมา

ถึงตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นสไตล์บอลบุกเดินหน้าวิ่งตลอด 90 นาทีแบบที่เคยเห็นกับทีมชาติไทยนั้น ก็เป็นเพราะซิโก้พยายามเน้นผลการแข่งขันกับการทำทีมสไตล์บอลลีกมากกว่าบอลทัวร์นาเมนต์แบบทีมชาติ (ที่อัดหนักได้ไม่ต้องวางแผนสภาพร่างกายระยะยาว)

แต่เชื่อว่าถ้าถึงจุดหนึ่งที่เขาสามารถปรับทีมได้ลงตัวทั้งหมดแล้ว อาจจะได้เห็นสไตล์รุกสุดขั้วกลับมาอีกครั้ง

 

สาเหตุต่อมาที่ทำให้ฮอง อันห์ ยาลาย เกิดความฟีเวอร์ขึ้นมานั้นก็คือ ด่วน เหวียน ดึ๊ก ประธานสโมสร ตั้งใจอย่างมากกับการทำทีมในปีนี้ ทำให้ฮอง อันห์ ยาลาย กลายเป็นทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับทีมชาติ ทั้ง เหวียน กง เฟือง ซุป’ตาร์ดาวทอง, เลือง ซวน เจือง, เหวียน ตวน อันห์, วู วาน ตรันห์ เป็นต้น

ดังนั้น เมื่อทีมที่มีนักเตะระดับแม่เหล็กของลูกหนังเวียดนามมารวมกับกุนซือขวัญใจชาวเวียดนามอย่างซิโก้ ทำให้ผลออกมาคือยิ่งปัง แฟนบอลยิ่งมีความต้องการที่จะเข้าไปชมในสนาม ได้เห็นแบบใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

อีกจุดหนึ่งที่มองว่าโค้ชซิโก้ทำได้ดี ก็คือการรักษาความเป็นกันเอง ไม่ว่าจะกับแฟนบอล หรือนักเตะในทีม อีกทั้งยังทำตัวแบบ “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” อะไรที่ฮอตฮิตในเวียดนาม จะเห็นซิโก้หยิบจับมาทำเป็นประเด็นในโลกโซเชียลให้คนติดตามได้เสมอ

สุดท้ายเลย สิ่งที่สำคัญก็คือโลกโซเชียลในปัจจุบันนั้นก้าวไปไกลมาก ทำให้ทุกอย่างสามารถสื่อถึงกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลเวียดนามก็ได้ตามติดกระแสของซิโก้จากประเทศไทย อีกทั้งประเทศไทยช่วงนี้ก็สามารถติดตามฟุตบอลเวียดนามได้เช่นกัน เนื่องจากฟุตบอลไทยปิดฤดูกาลแล้ว ทำให้เกิดกระแสได้ไม่ยาก

ก็ยังบอกไม่ได้ว่ากระแสของซิโก้ในเวียดนาม จะสามารถอยู่ไปได้นานแค่ไหน

และซิโก้เองจะสามารถช่วยพัฒนาฟุตบอลลีกเวียดนามให้ขึ้นมาทัดเทียมฟุตบอลลีกของไทยได้หรือไม่

ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และคงต้องติดตามดูกันต่อไป