SearchSri : เก็บตกไฮไลต์กีฬาโลก 2019

ผ่านพ้นไปแล้วกับปี 2019 พร้อมกับปฏิทินกีฬาโลกที่เต็มไปด้วยสีสันไม่แพ้ปีที่ผ่านๆ มา

ด้วยความที่ปีนี้มีทัวร์นาเมนต์กีฬาระดับชิงแชมป์โลกหลายรายการ ทำให้มีโมเมนต์แห่งความทรงจำเกิดขึ้นมากมาย

กลางปีเป็นศึก “ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก” ที่ฝรั่งเศส ซึ่ง” “ชบาแก้ว”” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยคว้าสิทธิผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่าผลงานในคราวนี้จะไม่ดีเท่ากับครั้งก่อนเพราะแพ้รวดทั้ง 3 นัดก็ตาม

ส่วนบทสรุปของการแข่งขันเป็น “สหรัฐอเมริกา” ที่ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้สำเร็จ ด้วยฟอร์มการเล่นอันสุดยอดชนะรวดทุกนัด

เท่านั้นไม่พอ ยังมีดราม่าตามหลังมา เมื่อนิตยสารฉบับหนึ่งเผยแพร่บทสัมภาษณ์ก่อนแข่งของ “เมแกน ราปิโน่” กัปตันทีมคนแกร่งของเมืองมะกัน ซึ่งประกาศกร้าวว่า ถ้าสหรัฐป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ก็ไม่คิดจะไปเยือนทำเนียบขาวเพื่อพบกับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่อย่างใด

ราปิโน่เป็นหนึ่งในนักกีฬาดังที่แสดงความเห็นเชิงต่อต้านนโยบายและความเห็นส่วนบุคคลของทรัมป์มาโดยตลอด

ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน และออกมาตอบโต้ผ่านโซเชียลว่า ก่อนจะพูดถึงเรื่องไปเยือนทำเนียบขาว ราปิโน่กับสาวๆ มะกันควรจะคว้าแชมป์ให้ได้ก่อน ดังนั้น เมื่อแข้งสหรัฐป้องกันแชมป์ได้จริงๆ พวกเธอจึงไม่ไปเยือนไวต์เฮาส์ตามที่ประกาศไว้

แถมราปิโน่ยังคงออกมาวิจารณ์ทรัมป์อย่างตรงไปตรงมาอีกหลายประเด็นด้วย

 

อีกทัวร์นาเมนต์ระดับโลกในรอบปี 2019 คือศึก “รักบี้เวิลด์คัพ” ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง “แอฟริกาใต้” คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 3

เป็นแชมป์ประวัติศาสตร์ที่มีความหมายในหลายๆ แง่มุม เนื่องจากสปริงบอกส์นำโดยกัปตันทีมผิวสีคนแรก “ซิย่า โคลิซี่” จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความเสมอภาคระหว่างชนชั้นและสีผิว ท่ามกลางความขัดแย้งและสารพันปัญหาภายในประเทศที่ทำลายขวัญกำลังใจของประชาชน

อีกหนึ่งไฮไลต์ของทัวร์นาเมนต์ยังอยู่ที่ผลงานของเจ้าภาพ “ญี่ปุ่น” ซึ่งทำเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์กลุ่ม ก่อนไปจอดในรอบก่อนรองชนะเลิศโดยพ่ายให้กับทีมแชมป์อย่างสปริงบอกส์ โดยระหว่างการแข่งขัน แดนอาทิตย์อุทัยต้องเผชิญกับซูเปอร์ไต้ฝุ่น “ฮากิบิส” ที่พัดถล่มในหลายพื้นที่ ทำให้รักบี้เวิลด์คัพต้องชะงักไปชั่วคราว

และนักกีฬาบางประเทศไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยในพื้นที่ สร้างความประทับใจไปทั่วโลก

 

ส่วนอีเวนต์กีฬาประจำปีต่างๆ ผลงานที่โดดเด่นชวนพูดถึงต้องยกให้ “ไทเกอร์ วู้ดส์” อดีตโปรกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลกชาวอเมริกัน ซึ่งทำในสิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิด อย่างการคว้าแชมป์เมเจอร์ “เดอะ มาสเตอร์ส” สมัยที่ 5 เมื่อต้นปี ซึ่งเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในรอบ 11 ปีของเจ้าตัว หลังประสบปัญหามรสุมชีวิตส่วนตัวและปัญหาบาดเจ็บต่างๆ จนอาชีพหยุดชะงักไปชั่วคราว

“กรีน แจ๊กเก็ต” ดังกล่าวยังเป็นแชมป์เมเจอร์รายการที่ 15 ของวู้ดส์ ทำให้ความหวังของเขาที่จะลุ้นทาบสถิติแชมป์เมเจอร์สูงสุดตลอดกาล 18 สมัยของตำนานสะวิง “แจ๊ก นิคลอส” เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

เท่านั้นไม่พอ แม้ว่าวู้ดส์จะต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่าอีกในช่วงกลางปี แต่ก็หายเจ็บกลับมาคว้าแชมป์ที่ญี่ปุ่น ทาบสถิติแชมป์พีจีเอทัวร์สูงสุดตลอดกาล 82 รายการของ “แซม สนีด” ตำนานกอล์ฟผู้ล่วงลับได้สำเร็จ

ปลายปี พญาเสือยังส่งท้ายอย่างสวยงามด้วยการรับหน้าที่กัปตันทีมสหรัฐ แซงชนะทีมนานาชาติ คว้าแชมป์กอล์ฟแมตช์เพลย์ประเภททีม เพรสซิเดนต์ส คัพ มาครอง

 

ฝั่งนักกีฬาหญิง ผลงานที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ “ซีโมน ไบล์ส” นักยิมนาสติกสาวชาวอเมริกันที่กวาด 5 เหรียญทองจากศึกยิมนาสติกชิงแชมป์โลกในเดือนตุลาคม

แต่ที่เหนือกว่านั้นคือการโชว์ทักษะสุดยอด 2 อย่างของวงการยิมนาสติก นั่นคือท่า triple-twisting double backflip บนฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ และ double-twisting double backflip บนราวทรงตัว ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

สุดท้ายคือผลงานอันสุดยอดของ “ลิเวอร์พูล” สโมสรดังแห่งอังกฤษ ที่มีรอบปีแห่งความทรงจำในช่วงรอยต่อฤดูกาลที่แล้วกับฤดูกาลนี้ เมื่อหงส์แดงพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรอง “บาร์เซโลน่า” 0-3 ในนัดแรก กลับมาชนะ 4-0 ในนัดที่สอง ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนชูถ้วยแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6

มาฤดูกาลนี้ก็ทำสถิติสุดยอด ยังไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีก นำโด่งในตำแหน่งจ่าฝูง มีแววคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีครั้งแรกในรอบ 30 ปี

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด กลางปี 2020 เด็กหงส์ทั้งหลายจะได้ฉลองกันสมใจเสียที!