เงาปีศาจ : เปิดโปงวงจรอุบาทว์ “ล้มบอล VS ล็อกผล” แผน “ปาหี่” ตุ๋นคนดู

มีแฟนบอลที่ติดตามทั้งฟุตบอลไทยและฟุตบอลต่างประเทศ ถามกันเข้ามามากว่า ปัจจุบันการแข่งขันฟุตบอลมีการ” “ล้มบอล” มีการ” “ล็อกผล” การแข่งขันจริงหรือไม่…???

บางคนเป็นพวก” “โลกสวย” ก็จะบอกว่า มันไม่มีจริงหรอก ฟุตบอลคือ กีฬา ฟุตบอลคือ มิตรภาพ ฟุตบอลคือ พี่น้องในวงการ ย่อมมีแพ้-ชนะกันในเกมของกีฬาแบบบริสุทธิ์ยุติธรรมโดยปราศจากการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง

บางคนยืนยันหนักแน่นว่า แบบไม่โลกสวยว่า การ” “ล้มบอล” หรือ” “ล็อกผล” การแข่งขันล่วงหน้าโดยขบวนการใต้ดิน ขบวนการพนันฟุตบอลมันมีอยู่จริง

จึงทำเกมฟุตบอลทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ กลายเป็นกลเกม” “ปาหี่” หลอกต้มคนดู หลอกต้มคนเล่นพนัน ไม่ต่างอะไรไปจากการแสดงโชว์ในเชิงกีฬาอย่างมวยปล้ำนั่นเอง

แต่ถามผมว่า” “บอลล็อก + บอลล้ม” มีอยู่จริงหรือไม่…?

ผมกล้าเอาคอเป็นประกันว่า มีอยู่จริง และมีอยู่ในทุกลีกทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองไทยอย่างศึก “ไทยลีก 1-4”

 

ขบวนการอัปยศที่ไปพัวพันเกี่ยวข้องกับโต๊ะพนันฟุตบอลยังคงเดินหน้ากอบโกยผลประโยชน์จากเกมกีฬาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

เมื่อก่อนฟุตบอลน่าดูกว่าปัจจุบัน ตั้งแต่ลีกเล็ก ลีกบ้านนอก ลีกภูธร ลีกใหญ่ยุโรป ไปกระทั่งเกมทีมชาติอย่างในศึกฟุตบอลโลก เพราะวงจรอุบาทว์ที่เรารู้ๆ กันอยู่คือ วงจรพนัน ยังไม่แพร่หลาย นักเล่นยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน

เมื่อก่อนเซียนพนันกว่าจะได้” “แทงบอล” ต้องใช้” “โพยกระดาษ” ต้องไปแทงตามโต๊ะ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป โลกในยุคไซเบอร์ทำให้ทุกอย่างง่ายดายเพียงแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว แอดไลน์เอเย่นต์ โอนเงิน และทำกระบวนการเติมเครดิตในหน้าเว็บไซต์ที่เปิดกันอย่างดอกเห็ด

นั่นจึงเป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำไมบรรดาโต๊ะพนันทั่วโลกถึงได้ติดต่อ “ล็อกผล” การแข่งขันเพื่อหวังผลประโยชน์ในทางธุรกิจ

ใครหลายๆ คนบอกว่า ช่วงหลังดูฟุตบอลคู่นั้น ดูฟุตบอลคู่นี้แล้วมันเล่นกันแปลกๆ

บางทีมไม่ยอมบุก

บางทีมเล่นแบบไม่ต้องการเอาชนะ

บางทีมเล่นแบบอยากแพ้

บางทีมเล่นแบบไม่ต้องการยิงประตู แม้จะมีโอกาสหลุดเดี่ยวไปยิงแต่ก็เลือกจะม้วนบอลกลับมาส่งบอลคืนหลัง หรือเลือกยิงออกนอกกรอบแบบน่าเกลียด

บางทีมใหญ่ๆ ปล่อยให้ทีมเล็กยิงก่อนแล้วค่อยไล่ตีเสมอ และแซงชนะแบบฉิวเฉียด

บางทีผู้ตัดสินทำหน้าที่แปลกๆ เป่าแปลกๆ จุดโทษควรได้ก็ไม่ได้ บางทีไม่ควรได้จุดโทษก็เป่าให้ บางทีใบเหลือง ใบแดงสารพัด

สิ่งเหล่านี้มันมีที่มาที่ไปทั้งนั้น ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นกันมานานแล้ว

ถ้าใครดูฟุตบอล “เป็น” ย้ำว่าดูฟุตบอล “เป็น” จะมองในเรื่องเหล่านี้ออก

 

มาเฟียใหญ่ของวงการฟุตบอลทั่วโลกอยู่ที่ “สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)” นั่นแหละ พวกนี้จะหลี่ตาข้างหนึ่งเพื่อเอื้ออำนวยให้บรรดาสปอนเซอร์ที่เป็นบ่อนพนันอย่างถูกกฎหมายเข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลักของสโมสรต่างๆ เพราะสโมสรต้องทำมาหากิน จำเป็นต้องมีรายได้ ลำพังค่าตั๋วเข้าชมจากแฟนบอลแต่ละนัดมันไม่พอจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะที่มันพุ่งทะลุโลกไปแล้วในยุคปัจจุบัน

หากใครยังไม่เข้าใจให้ดูคาดหน้าอกเสื้อ หรือป้ายโฆษณาข้างสนาม พวก Bet ทั้งหลายทั้งปวงนั่นแหละต้นตอของปัญหาใหญ่ที่กำลังเป็นปัญหาระดับโลกด้วยการ” “ลดความน่าเชื่อถือ” ของเกมกีฬาฟุตบอลลง ด้วยการกำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้านั่นเอง

พวกสปอนเซอร์เหล่านี้ทรงอิทธิพลมาก นอกจากอำนาจเงินที่มีอยู่ในมือแล้ว ยังมีอำนาจมืดต่อรองตั้งแต่ประธานสโมสร, ผู้จัดการทีม, นักเตะทั้งยกทีม และรายบุคคลในบางตำแหน่ง รวมไปถึงผู้ตัดสินในสนาม, ผู้ช่วยผู้ตัดสิน, ผู้ควบคุมการแข่งขัน

รวมไปถึงห้องคอนโทรล VAR

 

ในอดีตนักเตะชื่อดังของโลกอย่าง “เปาโล รอสซี่” สตาร์ดังทีมชาติอิตาลี พร้อมเพื่อนในทีมเจอข้อหาล้มบอล ในเกมที่เปรูจา เสมอกับ อเลวิโน 2-2 แม้ว่ารอสซี่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองแต่ก็ไม่พ้นโทษคือ โดนแบน 3 ปี แต่สโมสรอุทธรณ์ให้เหลือ 2 ปี

ในปี 1980 คดีล้มบอลอื้อฉาวที่ชื่อ” “โตโตเนโร่” โดนห้ามเล่นฟุตบอล 2 ปี หลังพ้นโทษเขากลับมาเป็นดาวซัลโวบอลโลก และคว้าแชมป์โลก 1982 กับอิตาลี

กรณีตัวอย่างที่สอง “แบร์กนา ตาปี” เจ้าของทีมมาร์กเซย ถูกจับได้ว่าพยายามติดสินบนคู่แข่ง และผู้ตัดสิน ถูกจำคุก 2 ปี และทีมมาร์กเซยโดนริบแชมป์

กรณีตัวอย่างที่สาม กัลโช่ 2005-2006 หลายสโมสรมีส่วนพัวพันกับการจ้างผู้ตัดสิน ทีม “ม้าลาย” “ยูเวนตุส” โดนปรับตกชั้น “เอซี มิลาน” โดนตัดแต้ม -30 แต้ม และให้เริ่มต้นซีซั่นใหม่

กรณีที่สี่ “โรเบิร์ต ฮอยเซอร์” ผู้ตัดสินชาวเยอรมัน รับสินบนจากเซียนบอลโครเอเชีย เพื่อผลการแข่งขันลีก้า 2 และ 3 ของเยอรมนี รวมทั้งบอลถ้วย โดนจำคุก 2 ปี และห้ามเป็นผู้ตัดสินตลอดชีวิต

นี่เป็นตัวอย่างคร่าวๆ ที่หยิบยกมาให้เห็นภาพว่า ฟุตบอลสมัยนี้มันกลายเป็นเกม “ปาหี่”

 

หน่วยงานยุติธรรมอย่าง” “สปอร์ตเรดาร์” ต้องการปราบปรามขบวนการอัปยศพวกนี้ให้สิ้นซากไปจากวงการฟุตบอลทั่วโลก ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก

แต่บรรดาสโมสรฟุตบอลทั่วโลกเห็นค่าของเม็ดเงินจากเว็บพนันฟุตบอลมากกว่า” “ศักดิ์ศรี” ของเกมกีฬา จึงยอมขายจิตวิญญาณ

ไม่ใช่เพียงแต่บอลต่างประเทศเท่านั้น ในเมืองไทยหลายทีมยักษ์ใหญ่ ตัวประธานสโมสร ตัวผู้จัดการทีม ตัวขาใหญ่ในทีมที่เป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตก็ไปเกี่ยวข้องกับโต๊ะพนันฟุตบอล ทำมาหากินกันแบบโจ่งครึ่ม” “แทงสวน” ทีมตัวเองมีให้เห็นกันมาแล้วด้วย

ในวงการพนันบอลระดับโลกเขารู้กันดีว่า ตัวขาใหญ่สุดในวงจรอุบาทว์คือ” “ตัน ซี เอ็ง” หรือ” “แดน ตัน” แต่สงสัยหรือไม่ว่า ทำไมตำรวจสากลถึงยังไม่สามารถจับตัวคนคนนี้ได้

นั่นก็เพราะ “แดน ตัน” ที่กบดานอยู่ในสิงคโปร์ใช้” “เงิน” เบิกทางอุดช่องโหว่ทุกช่องทาง ตำรวจ, ฟีฟ่า แพ้อำนาจเงินทั้งหมด

 

“แดน ตัน” ได้รับฉายาจากสื่อในอิตาลี ซึ่งมีการล้มบอลกันอย่างแพร่หลายในลีกระดับล่างว่า” “อิลบอส” หรือ” “นายใหญ่” เพราะแดน ตัน เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการล้มบอลทั่วโลก ใช้วิธีการสั่งการจากบ้านพักในสิงคโปร์

“สแตนลีย์ โฮ” นักข่าวหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง “สเตรต ไทม์ส” ของสิงคโปร์ ที่ขุดคุ้ยเรื่องล้มบอลมานาน เปิดเผยกับ “โจนาห์ ฟิชเชอร์” นักข่าวบีบีซี ที่เดินทางไปเจาะลึกปัญหาล้มบอลทั่วโลกถึงสิงคโปร์ว่า แดน ตัน ใช้นักพนันจากยุโรปตะวันออกเป็นตัวประสานกับผู้เล่น และบ่อยครั้งที่นักพนันเหล่านี้เป็นนายหน้า หรือกระทั่งเป็นนักฟุตบอลเสียเอง

โดยแดน ตัน จะจ่ายเงินราว 200,000 ยูโรต่อการล้มบอล 1 แมตช์

ขั้นตอนมีเพียงแค่ต่อสายไปยังเครือข่ายร้านพนันบอลในเมืองจีน ซึ่งจะมีคนนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ คอยประสานงานกับเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก ส่วนคนจัดการล้มบอลแต่ละแมตช์คือ คนที่อยู่ในยุโรป และจะลงมือเมื่อได้รับเงินโอนมาจากแดน ตัน แล้วเท่านั้น

“วิลสัน ราจ เปรูมัล” อดีตเพื่อนร่วมงานของแดน ตัน ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์เช่นกัน เปิดโปงวงจรอุบาทว์ หลังถูกจับที่ฟินแลนด์เมื่อปี 2011 ว่า แดน ตัน สั่งการล้มบอลในเกมทุกระดับทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่พรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีก้า, กัลโช่ เซเรียอา, ลาลีก้า, เอิง, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือฟุตบอลโลก ฯลฯ ใน 1 ฤดูกาลตกแล้วมากกว่า 700 แมตช์

เห็นหรือไม่ว่าทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มันมีขบวนการ” “ล้มบอล” หรือ” “ล็อกผล” อยู่บนโลกลูกหนังจริง!

ขึ้นอยู่ที่” “ใคร” จะเชื่อมั่นในตัว” “กีฬาฟุตบอล” ว่าจะยืนหยัดเป็นกีฬาเบอร์ 1 ของโลกต่อไป

หรือปล่อยไว้อย่างนี้จนคนเริ่มเบื่อกันไปเอง แล้วรอดูฟุตบอลกลายเป็น” “มวยปล้ำ” เหมือนในอดีต…!!!