บททดสอบ “ซานเตียโก้ โซลารี่” อย่าคาดหวังว่าจะมี “ซีดาน 2”

หลังจากเปิดโอกาสให้ “ซานเตียโก้ โซลารี่” พิสูจน์ฝีมือ 4 นัด พร้อมผลงานชนะรวดทั้ง 4 นัด เป็นสถิติการเริ่มต้นที่ดีที่สุดของโค้ชหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์สโมสร ในที่สุด “รีล มาดริด” ทีมดังแห่งสเปน ก็แถลงแต่งตั้งอดีตกองกลางชาวอาร์เจนไตน์วัย 42 ปี เป็นกุนซือคนใหม่แบบถาวรของทีมโดยเซ็นสัญญายาวถึงปี 2021

เส้นทางการนั่งเก้าอี้นายใหญ่ของหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปสำหรับโซลารี่นั้น อดไม่ได้ที่หลายคนจะนำไปเปรียบเทียบกับกรณีของ “ซีเนอดีน ซีดาน” ซึ่งมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน

เดิมนั้นซีดานซึ่งเป็นตำนานแข้งของสโมสรยุคเดียวกับโซลารี่ รับหน้าที่คุมทีมมาดริดชุดบีอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็โดนจับให้ไปคุมชุดใหญ่กลางฤดูกาล 2015-2016 เนื่องจากผู้บริหารทีมปลด “ราฟาเอล เบนิเตซ” ออกจากตำแหน่งเพราะผลงานไม่ดี

ปรากฏว่าซีดานทำผลงานเยี่ยม พาทีมคว้าแชมป์ลาลีก้าฤดูกาล 2016-2017

แต่ที่สุดยอดยิ่งกว่าคือการคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 3 สมัยซ้อนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนเจ้าตัวจะประกาศอำลาตำแหน่งแบบกะทันหันหลังหมดสัญญาเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

การลาทีมของซีดานเป็นจุดเริ่มต้นกรณีฉาวของ “ยูเลน โลเปเตกี” เมื่อมาดริดใจร้อนรีบประกาศว่าบรรลุข้อตกลงทาบทามโลเปเตกีคุมทัพหลังจบฟุตบอลโลก ทั้งที่ตอนนั้นเขากำลังอยู่ระหว่างคุมทีมชาติสเปนเตรียมสู้ศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซีย สหพันธ์ฟุตบอลสเปนมองว่าเป็นการทำผิดมารยาทอย่างรุนแรง และปลดโลเปเตกีออกจากตำแหน่งก่อนบอลโลกคิกออฟเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

เส้นทางโค้ชของกุนซือวัย 52 ปี ยิ่งดิ่งลงเหวเมื่อราชันชุดขาวผลงานย่ำแย่ กระทั่งแมตช์ “เอล กลาซิโก้” ที่โดนคู่ปรับ “บาร์เซโลนา” ถล่มขาด 5-1 จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้ผู้บริหารปลดเขาจากตำแหน่ง

โซลารี่ที่คุมทีมชุดบีอยู่ดีๆ จึงต้องขยับขึ้นไปคุมทีมชุดใหญ่แบบปัจจุบันทันด่วน โดยระหว่างนั้นผู้บริหารก็มองๆ หาคนอื่นไปด้วย ประเมินผลงานของโซลารี่ไปด้วยเพื่อชั่งน้ำหนัก ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในที่สุด

แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นที่คล้ายคลึงกัน และเหมือนจะได้ “ใจ” ลูกทีมอยู่ไม่น้อย ยืนยันได้จากฟอร์มการเล่นที่ดีวันดีคืนเป็นคนละเรื่องกับตอนโลเปเตกีคุมทัพ ทำให้หลายคนคาดหวังว่าโซลารี่อาจจะเดินตามรอยความสำเร็จของซีดานก็เป็นได้ จนลืมมองบริบทแวดล้อมว่ากรณีหลังนั้นอาจเป็นงานหินกว่ามาก

อันที่จริงเหตุผลที่โซลารี่ได้เซ็นสัญญาถาวรนั้น ประการหนึ่งต้องเข้าใจว่า บรรดาโค้ชดังที่เป็นเป้าหมายของมาดริดไม่มีใครพร้อมจะมา

ทั้ง “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” ที่เพิ่งต่อสัญญาใหม่กับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เมื่อจบฤดูกาลก่อน ทั้ง “เยอร์เก้น คล็อปป์, โยอาคิม เลิฟ, เมาริซิโอ อัลเลกรี” และ “ยูเลียน นาเกลส์มันน์” ซึ่งต่างมีงานของตัวเอง

ขณะที่ “อันโตนิโอ คอนเต้” อดีตกุนซือยูเวนตุสและเชลซีก็ออกตัวว่ายังไม่อยากรับงานในตอนนี้ แถมบางคนก็ห่วงเรื่องบุคลิกของคอนเต้ที่อาจจะปะทะกับบรรดานักเตะขาใหญ่ในห้องแต่งตัวเอาได้ง่ายๆ แผนนี้จึงพับเก็บไปอีก

ตามกฎของลาลีก้า โค้ชที่มารับงานชั่วคราวจะทำหน้าที่ได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ด้วยเงื่อนเวลาและสถานการณ์ต่างๆ ทำให้การเสนอสัญญาถาวรให้โซลารี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้

จริงๆ ตอนที่ซีดานโดนเลื่อนขั้นไปรับตำแหน่งโค้ชใหญ่แบบจับพลัดจับผลูเมื่อปี 2016 “ฟลอเรนติโน่ เปเรซ” ประธานสโมสรเคยคิดจะให้โซลารี่ไปเป็นผู้ช่วยโค้ชของ “ซิซู” เพราะตัวเขาเองก็ค่อนข้างจะเป็นที่รักและได้รับการยอมรับจากสต๊าฟและนักเตะในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ราชันชุดขาวไม่เหมือนเมื่อคราวซีดานเข้าไปกุมบังเหียน เนื่องจากทีมตัดสินใจขาย “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ซุป”ตาร์ชาวโปรตุกีสให้ยูเวนตุส และยังไม่มีใครก้าวขึ้นมาทดแทนแข้งดังที่ยิงให้ทีมไป 450 ประตูใน 9 ฤดูกาลได้เต็มตัวเลย

และต้องไม่ลืมว่า ฟุตบอลลีกยุโรปฤดูกาลนี้เริ่มขึ้นหลังฟุตบอลโลก 2018 ไม่กี่สัปดาห์ นักเตะหลายคนอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า ไม่ฟิตเต็มร้อย การจะหวังให้รีดฟอร์มเก่งออกมาพร้อมหน้าพร้อมตาจึงเป็นเรื่องยาก แถมระยะเวลาทำงานของโซลารี่ก็มากกว่า (ซีดานเข้าไปรับช่วงเมื่อเดือนมกราคม) ความคาดหวังจึงต้องมากขึ้นตามไปด้วย

4 นัดแรกที่เปิดตัวได้อย่างสวยงามนั้น จะว่าไปคู่แข่งยังถึงขั้นโหดหิน ไม่ว่าจะเป็น “เมลิญา, รีล บายาโดลิด, วิกตอเรีย เพิลเซ่น” หรือ “เซลต้า บีโก้” เรียกว่ายังมีด่านทดสอบสำคัญรออยู่อีกมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อเข้ารอบลึก

หากล่วงเข้าครึ่งหลังของฤดูกาล ผลงานของราชันไม่ร้อนแรงเท่าตอนนี้ หรือถึงขั้นหมดลุ้นแชมป์ใดๆ เร็วเกินกว่าเหตุ

ก็ไม่แน่ว่าปิดฤดูกาลขึ้นมา ขาเก้าอี้ของโซลารี่อาจจะสั่นคลอนกับเขาได้เหมือนกัน!