พิศณุ นิลกลัด : ‘Alopecia’ โรคหัวล้านไม่ทันตั้งตัว ทำไมทุก ก.ย.สำคัญในสหราชอาณาจักร?

พิศณุ นิลกลัด

Alopecia โรคหัวล้านไม่ทันตั้งตัว

ที่สหราชอาณาจักร เดือนกันยายนของทุกปี เขาจัดให้เป็นเดือน Alopecia Awareness Month เดือนแห่งการตระหนักถึงโรคอโลพีเชีย หรือโรคผมร่วงเป็นหย่อมๆ ซึ่งเกิดได้ทุกจุดของร่างกายที่มีขนหรือผม ทั้งหญิงและชาย

ปัจจัยที่มากระตุ้นให้เกิดโรคนี้ได้แก่ พันธุกรรม, ความเครียด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรค และไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ แต่อาจลุกลามเป็นมากขึ้นจากวงเล็กๆ ขยายเป็นวงใหญ่ขึ้นจนเป็นทั่วศีรษะ และอาจมีขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราร่วงด้วย

50% ของผู้ที่ผมร่วงแบบนี้ ผมจะกลับขึ้นได้ใหม่เองภายใน 1 ปี แม้จะไม่ได้รับการรักษาใดๆ เลย

90% ของผู้ที่มีผมร่วงชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้

10% พบว่าผมไม่ขึ้นใหม่อีกเลย

 

ในวงการฟุตบอล คนที่เป็นโรคอโลพีเชียและเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปทั่วโลกคือ ปีแอร์ลุยจิ กอลลีน่า (Pierluigi Collina) อดีตผู้ตัดสินฟุตบอลชาวอิตาลีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ตัดสินที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินของฟีฟ่า (FIFA Chairman of the Referees Committee)

หลายคนอาจเข้าใจว่า ปีแอร์ลุยจิ กอลลีน่า ซึ่งปัจจุบันอายุ 58 ปี หัวล้าน โกนหัว หรือเป็นมะเร็ง

แต่ความจริงแล้ว กอลลีน่าเป็นโรคอโลพีเชีย ซึ่งเขาเล่าว่า ตอนอายุ 24 ปี อยู่ดีๆ ผมก็เริ่มร่วง

และร่วงหมดศีรษะภายในเวลาเพียง 15 วัน!!!

กอลลีน่าเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลที่เด็ดขาด มีความมั่นใจในตัวเอง

การไม่มีผม ไม่มีขนคิ้วของเขา กลายเป็นสิ่งที่แฟนฟุตบอลมองว่าเป็นเรื่องเท่ เป็นจุดเด่น ไม่ใช่ปมด้อย เป็นเอกลักษณ์ที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกจำได้ไม่ลืม

จอนโจ เชลวีย์ (Jonjo Shelvey) นักเตะชาวอังกฤษ ทีมนิวคาสเซิล วัย 26 ปี ก็เป็นโรคอโลพีเชีย เขาเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากตอนเป็นทารก เขาตกบันไดรุนแรงมากจนกะโหลกร้าว ส่งผลให้เป็นโรคนี้ แม้พยายามรักษาก็ไม่หาย

จอนโจเล่าว่า สมัยเด็กๆ เขาซ้อมฟุตบอลโดยสวมหมวกเบสบอลเพราะรู้สึกไม่มั่นใจกับการไม่มีผมของตัวเอง ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะมองเขาอย่างไร บ่อยครั้งที่เวลาไปไหนก็มีคนจ้องมอง

แต่มาตอนนี้ จอนโจซึ่งเตะบอลได้ค่าเหนื่อยเดือนละ 3 แสนปอนด์บอกว่า ไม่รู้สึกเป็นปมด้อยอะไร ดีซะอีกที่ไม่ต้องเสียเวลาเข้าร้านตัดผม

เมื่อเดือนกันยายน ปี 2014 สมัยที่จอนโจเล่นให้กับทีมสวอนซี เขาได้ทำเรื่องประทับใจ ด้วยการเชิญหนูน้อยแฮรี่ เจคอบส์ (Harry Jacobs) วัย 7 ขวบและครอบครัว ให้ไปชมการแข่งขันที่สนามแข่ง พร้อมกับให้แฮรี่เป็นมาสคอต (Mascott) เดินจูงมือกับจอนโจลงสนามแข่งขันด้วย

จุดเริ่มต้นของการที่จอนโจเชิญหนูน้อยแฮรี่เข้าชมการแข่งขัน มาจากที่แฮรี่เขียนจดหมายไปหาจอนโจ นักเตะในดวงใจที่เป็นโรคอโลพีเชียเหมือนกัน เพื่อเชิญจอนโจมาที่โรงเรียนประถมของแฮรี่

เนื้อความในจดหมายนั้นน่ารักมาก…

แฮรี่เขียนถามจอนโจว่า ชอบมั้ยที่เป็นโรคอโลพีเชีย ซึ่งแฮรี่เขียนถึงข้อดีของการเป็นโรคนี้ว่าไม่เป็นเหาและไม่ต้องไปหาช่างตัดผม

แม่ของแฮรี่ก็เขียนจดหมายถึงจอนโจเช่นกัน โดยบอกว่าแฮรี่เป็นแฟนฟุตบอลตัวยง และมองจอนโจเป็นต้นแบบเพราะเป็นโรคอโลพีเชียเหมือนกัน ทำให้แฮรี่เห็นว่าแม้จะเป็นโรคนี้แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้

แม่ของแฮรี่ขอให้จอนโจเขียนจดหมายตอบแฮรี่สักนิดเพื่อลูกชายจะได้มีกำลังใจ เพราะตอนนี้ความรู้สึกของแฮรี่แย่มาก

จอนโจให้สัมภาษณ์ว่า เขาเข้าใจความรู้สึกของแฮรี่ดี เพราะสมัยเป็นเด็ก จอนโจก็ถูกเพื่อนๆ ล้อเลียนเพราะไม่มีผม ส่งผลต่อความมั่นใจและจิตใจเป็นอย่างมาก

ดังนั้น การเชิญแฮรี่และพ่อกับแม่มาร่วมชมการแข่งขันที่สนามจริง และได้พูดคุยให้กำลังใจแฮรี่ เห็นแฮรี่มีความสุขตอนได้จูงมือกับแฮรี่ลงสนาม และแฮรี่บอกว่ามีความสุข ก็ทำให้จอนโจรู้สึกดีมาก

โรคอโลพีเชียไม่ได้เป็นโรคติดต่อและไม่ได้เป็นโรคอันตรายถึงชีวิต แต่มีผลกระทบต่อด้านจิตใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เป็นโรคนี้แล้วผมร่วง คิ้วร่วงหมด และไม่สามารถทำให้ผมหรือขนกลับมาขึ้นได้อีก

วิธีรับมือกับโรคนี้มี 2 ทางเลือก ในกรณีร่วงแล้วไม่ขึ้นอีกเลย

ทางเลือกที่ 1 ทำใจ ไม่รู้สึกว่าเป็นปมด้อย ยิ่งถ้าเป็นคนเก่ง คนที่ประสบความสำเร็จในงานในอาชีพของตัวเอง โรคนี้เรื่องจิ๊บๆ

ทางเลือกที่ 2 ทำสวย วิธีนี้ฝรั่งทำกันเยอะมาก ให้ช่างทำวิกผมแก้ปัญหาให้ สมัยนี้ช่างทำวิกผมฝีมือดีมีเยอะ สวมแล้วดูไม่ออกว่าเป็นวิก

ชอบทางไหน เลือกทางนั้นละกัน