พิศณุ นิลกลัด : คอนเนอร์ VS คาบิบ ศึกทวงแชมป์จาก “คาบิบ”

พิศณุ นิลกลัด

วันที่ 27 สิงหาคม จะเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการต่อสู้คู่มวยต่างสายพันธุ์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ ระหว่างฟลอยด์ เมย์เวตเธอร์ จูเนียร์ ยอดนักมวยผู้ไม่เคยแพ้ใคร กับคอนเนอร์ แม็กเกรเกอร์ ยอดนักสู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ Mixed Martial Arts ชาวไอร์แลนด์

หลังการชกครั้งนั้น ทั้งฟลอยด์และคอนเนอร์ก็ไม่ได้ขึ้นสังเวียนต่อสู้ที่ไหน แต่ใช้ชีวิตหรูหราปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยง เพราะได้ค่าตัวและส่วนแบ่งมหาศาลจากการชกครั้งนั้น

ประมาณกันว่าฟลอยด์ได้เงินไปกว่า 3,000 ล้านบาท ส่วนคอนเนอร์ได้กว่า 1,000 ล้านบาท

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนสิงหาคม เดน่า ไวต์ (Dana White) ประธานสถาบัน UFC ซึ่งเป็นสถาบันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ได้ออกมาประกาศว่า คอนเนอร์ แม็กเกรเกอร์ อดีตแชมป์ MMA รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 70 กิโลกรัม จะขึ้นต่อสู้ง เนอร์มาโกเมดอฟ (Khabib Nurmagomedov) แชมป์คนปัจจุบันชาวรัสเซีย

การต่อสู้จะมีขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ที่ที-โมบิล อารีน่า (T-Mobile Arena) ลาสเวกัส

เป็นการต่อสู้ที่แฟนๆ ทั่วโลกเฝ้ารอคอย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่คอนเนอร์หวนคืนสังเวียน MMA หลังจากไม่ได้ขึ้นเวทีกรงต่อสู้นานถึง 20 เดือน

คาบิบเป็นนักสู้ MMA ที่ไม่เคยแพ้ใครมาก่อน ต่อสู้ 26 ครั้ง ชนะรวด 26 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อกเอาต์ 8 ครั้ง และจับคู่ต่อสู้หักแขน หักขา หรือล็อกคอ ที่เรียกว่า Submission อีก 8 คน ทำให้แฟนๆ เฝ้ารอการต่อสู้ครั้งนี้ของทั้งคู่

เป็นที่ทราบกันดีว่าคอนเนอร์และคาบิบเกลียดกันมาก พูดจาข่มกันไปบลั๊ฟฟ์กันมา และเป็นต้นเหตุที่ทำให้คอนเนอร์ก่อเรื่องซึ่งตกเป็นข่าวไปทั่วโลก จนถูกตำรวจจับและถูกทำทัณฑ์บน, ถูกปรับเงิน, ต้องบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม และเข้าอบรมวิธีการควบคุมอารมณ์

โดยเมื่อเดือนเมษายน คอนเนอร์ก่อเรื่องโดยทุ่มรถเข็นใส่รถบัสที่มีนักสู้ MMA นั่งอยู่เต็มคันรถ ซึ่งคอนเนอร์เข้าใจผิดนึกว่าคาบิบนั่งอยู่ในรถบัสคันนั้น ทำให้กระจกรถบัสแตก มีนักสู้ MMA ได้รับบาดเจ็บจากเศษกระจก ส่วนคาบิบปลอดภัยเพราะนั่งรถบัสอีกคัน

หลังเหตุการณ์ คาบิบพูดฝากไปถึงคอนเนอร์ว่า

“Just tell me where, where that”s it. Why you need to come here?”

“หากอยากจะสู้กัน บอกสถานที่มาเลย ไม่ต้องมาทำลายข้าวของแบบนี้”

คอนเนอร์และคาบิบลงคลิปและให้สัมภาษณ์ด่ากันไปด่ากันมา หรือที่เรียกว่า Trash Talk ตั้งแต่ก่อนที่จะมีประกาศการต่อสู้ของทั้งคู่แล้ว

ซึ่งทาง UFC ก็นำเรื่องการบาดหมางส่วนตัวระหว่างคอนเนอร์กับคาบิบมาทำเป็นคลิปโปรโมตการต่อสู้ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เพราะยิ่งคู่ต่อสู้แสดงความเกลียดกันมาก คนก็ยิ่งอยากดูการต่อสู้ของสองคนนี้มากตามไปด้วย

Trash Talk หรือการพูดจาดูถูกคู่ต่อสู้ เป็นแผนการตลาดที่ได้ผลมากในการดึงให้คนสนใจการต่อสู้ และใช้กันมานานแล้วในวงการมวย

มูฮัมหมัด อาลี ถือเป็นยอดนักกีฬาต้นตำรับ Trash Talk พูดจาดูถูกเหยียดหยามคู่ต่อสู้ และยกยอตัวเองไว้มากมายจนถึงขนาดมีการรวมอัลบั้มเหมือนกับเพลงฮิตวางขาย

ในปี 1963 อาลีออกเทปรวมฮิตการพูดยกตัวข่มท่าน พูดจาเย้ยหยันนักมวยคู่แข่ง ชื่ออัลบั้ม “I Am The Greatest” ซึ่งเป็นประโยคที่อาลีพูดยอตัวเอง โดยตอนนั้นอาลียังใช้ชื่อเดิมว่า แคสเซียส เคลย์ (Cassius Clay)

สำหรับประโยคเด็ดที่อาลีพูดดูถูกคู่ต่อสู้และยังเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ก็เช่น

“ผมไม่ใช่สุดยอด แต่ผมเป็นสุดยอดสุดยอด เพราะไม่เพียงแต่ผมจะน็อกคู่ต่อสู้เท่านั้น ผมยังสามารถเลือกยกที่จะน็อกคู่ต่อสู้ได้ด้วย”

“I”m not the greatest; I”m the double greatest. Not only do I knock “em out, I pick the round.”

แผนการตลาดแนว Trash Talk ได้ผลอย่างมากในการประชาสัมพันธ์การต่อสู้ระหว่างคอนเนอร์ แม็กเกรเกอร์ กับคาบิบ เนอร์มาโกเมดอฟ เพราะตอนนี้ตั๋วเข้าชมหมดเกลี้ยงแล้ว โดยราคาหน้าตั๋วเริ่มที่ 205 ดอลลาร์ ไปจนถึง 2,505 ดอลลาร์ หรือ 6,800 บาท ถึง 82,000 บาท

ประมาณกันว่า เฉพาะรายได้จากการขายตั๋ว จะสูงกว่า 400 ล้านบาท

นี่ยังไม่นับเงินที่ขายเพย์ เพอร์ วิว และเงินขายโฆษณาซึ่งเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของการจัดการต่อสู้ MMA