อลังการงานสร้าง! “ศิลปะเรืออับปาง” ผลงานใหม่ล่าสุด ของนักเปลี่ยนความตายให้เป็นงานศิลป์

หลังข่าวคราวเงียบหายจากวงการศิลปะไปสองสามปี และโดนปรามาสว่าไอเดียตีบตัน หมดมุขจะทำศิลปะเจ๋งๆ ไปนานแล้ว

ในครานี้ ศิลปินนักเล่นกับความตายผู้อื้อฉาว ที่จับเอาซากศพฉลามใส่ตู้ดองฟอร์มาลินโชว์เป็นงานศิลปะอย่าง เดเมียน เฮิร์สต์ (Damien Hirst) คนที่ว่า ที่เราเคยเขียนถึงไปในตอนแรกๆ หวนกลับมาแล้ว

และขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินระดับบิ๊กเนมอย่างเฮิร์สต์ การคัมแบ๊กครั้งนี้คงไม่ใช่ธรรมดาและกลับมาอย่างครึ่งๆ กลางๆ เป็นแน่แท้

เพราะผลงานครั้งล่าสุดนี้เป็นอะไรที่อลังการงานสร้างจริงๆ

กับงานนิทรรศการศิลปะที่มีชื่อว่า Treasures from the Wreck of the Unbelievable (สมบัติจากซากเรืออับปางอันเหลือเชื่อ) กับผลงานศิลปะขนาดมหึมาที่บรรจุเต็มพื้นที่ 5,000 ตารางเมตรของอาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Palazzo Grassi และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Punta della Dogana ที่ตั้งอยู่บน Grand Canal ในเมืองเวนิซ อิตาลี (ซึ่งอาคารทั้งสองหลังเป็นของ ฟรองซัวส์ ปิโนลต์ (Francois Pinault) อภิมหาเศรษฐีนักสะสมงานศิลปะชาวฝรั่งเศส และเจ้าของ Christie”s สถาบันประมูลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก)

เม้าธ์กันให้แซดว่า เฮิร์สต์และปิโนลต์ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับนิทรรศการครั้งนี้ อันที่จริงมันน่าจะเป็นงานแสดงศิลปะที่มีต้นทุนสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดให้ศิลปินร่วมสมัยคนนึงมาเลยทีเดียว

งานแสดงศิลปะครั้งนี้ของเขาจัดได้ว่าเป็นการคัมแบ๊กของความสุดขีดคลั่งทางจินตนาการของเฮียเฮิร์สต์อีกครั้ง

โดยในนิทรรศการประกอบด้วยผลงานถึง 189 ชิ้น แถมผลงานบางชิ้นในนิทรรศการนี้ยังมีความสูงกว่า 18 เมตรเลยทีเดียว (อะไรจะเบ้อเริ่มเทิ่มขนาดนั้น!)

ผลงานเหล่านี้เป็นศิลปะวัตถุ ทรัพย์สมบัติและโบราณวัตถุจากหลากหลายวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น แอซเท็ก, อินคา, อิยิปต์โบราณ โรมัน และอื่นๆ

ซึ่งเฮิร์สต์อ้างว่ามันถูกค้นพบในซากเรือขนสมบัติโบราณอับปางที่มีชื่อว่า Apistos (ที่แปลว่า “เหลือเชื่อ”) ที่จมอยู่ใต้ก้นทะเลแอฟริกาตะวันออกมาราว 2,000 ปี แล้ว จนกระทั่งนักโบราณคดีไปค้นพบมันและขอความช่วยเหลือจากศิลปินบิ๊กเนมอย่างเฮิร์สต์ ให้ใช้เงินหลายล้านของเขาในการกู้มันขึ้นมา

ซึ่งการกอบกู้ศิลปะวัตุโบราณอันน่ามหัศจรรย์พันลึกนี้ถูกบันทึกภาพเอาไว้เป็นวิดีโอและฉายในนิทรรศการด้วย

ศิลปะวัตถุอันน่าทึ่งนานาชนิดที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลนานนับพันปี ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนผุพังและถูกเพรียงและปะการังเกาะจนลายพร้อย ไม่ว่าจะเป็นอนุสาวรีย์ของอียิปต์, ระฆังของอาณาจักรจีน, ภาชนะอาหารโบราณของโรมัน, ประติมากรรมรูปยูนิคอร์น, เมดูซ่า, หัวกะโหลกของไซคลอปยักษ์ตาเดียว, อนุสาวรีย์วีรบุรุษไร้หัวสีดำสนิท สูงตระหง่านกว่า 18 เมตรของกรีก, ประติมากรรมรูปไฮดร้าอสุรกายสิบหัวของกรีก สู้กับเจ้าแม่กาลีหกกรของฮินดู, อนุสาวรีย์รูปหนูทดลองที่ถูกปลูกถ่ายใบหูบนหลัง เกาะอยู่บนเท้าของเทพเจ้าอพอลโล, ไปจนถึงอนุสาวรีย์หนูการ์ตูน มิกกี้เม้าส์, หมากู๊ฟฟี่ ประติมากรรมรูปเมาคลีและหมีบาลู, ประติมากรรมทองเหลืองรูปเหมือนของ YoLandi นักร้องสาวจากวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แอฟริกัน Die Antwoord

…เดี๋ยว เดี๋ยวนะ!

อ่านมาถึงตรงนี้คุณคงรู้แล้วล่ะ ว่าเรื่องที่อ้างมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องแหกตาล้วนๆ

งานศิลปะเหล่านี้ไม่ใช่วัตถุโบราณอายุเป็นพันปีที่ถูกขุดค้นขึ้นมาจากใต้ทะเลจริงๆ แต่อย่างใดหรอก แต่เป็นของที่ทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมดทั้งสิ้น

ซึ่งแน่นอนว่าไอ้เจ้าพวกร่องรอยสึกกร่อนจากกาลเวลาและน้ำทะเล หรือบรรดาเพรียงและปะการังที่เกาะอยู่บนผลงานเหล่านี้ ก็เป็นของที่ทำปลอมๆ ขึ้นมานั่นแหละ

พอทำเสร็จพี่เขาก็เอาไปทิ้งให้มันแช่อยู่ในทะเลสักเดือนสองเดือน แล้วก็เอาขึ้นมา

ส่วนวิดีโอที่บันทึกภาพการกู้ศิลปะวัตถุโบราณกำมะลอเหล่านี้ ก็เป็นการจัดฉากขึ้นมาเช่นเดียวกัน

แต่อันที่จริง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจแหกตาซะทีเดียว เพราะนอกจากผลงานศิลปะที่ถูกทำให้ดูเหมือนงมมาจากซากเรือในก้นทะเลแล้ว ในนิทรรศการก็ยังมีผลงานศิลปะในลักษณะเดียวกันที่ทำออกมาใหม่เอี่ยม เนี้ยบกริบ แสดงอยู่คู่กันด้วยเหมือนกัน

เฮิร์สต์กล่าวถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับผลงานชุดนี้ที่เขามโนขึ้นเองว่า “ทั้งหมดมันก็อยู่ที่ว่า อะไรคือสิ่งที่คุณอยากเชื่อน่ะนะ” (แหม่!)

ซึ่งนิทรรศการนี้ก็เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าบรรดาผู้ชมและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักวิจารณ์ศิลปะทั้งหลาย บางคนถึงกับกล่าวว่าเฮิร์สต์หวนกลับไปท็อปฟอร์มเหมือนเมื่อครั้งที่เขาโด่งดังจากงาน “ฉลามแช่ฟอร์มาลิน” เลยทีเดียว

ส่วนเหล่าบรรดานักสะสมงานศิลปะหรือก็หันกลับมามองตาเป็นมันกันเป็นแถว และแย่งกันเสนอราคาซื้อผลงานศิลปะในนิทรรศการนี้ของเขา ตั้งแต่ 500,000 ไปจนถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว (ถึงกระนั้นก็ไม่รู้ว่ามันจะคุ้มราคาค่าทำหรือเปล่า เพราะอย่างที่บอกว่างานนี้พี่ๆ เขาทุ่มทุนสร้างกันอย่างมโหฬารมั่กๆ)

ส่วนประเด็นที่ว่า ผลงานชุดนี้จะทำให้ เดเมียน เฮิร์สต์ หวนกลับมาทวงบัลลังก์ศิลปินร่วมสมัยที่ร้อนแรงที่สุดในวงการศิลปะโลกได้อีกคำรบนึงหรือไม่นั้น

ก็ต้องให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันแหละนะ แต่คงไม่ถึงกับต้องรอไปจนสองพันปีหรอกมั้ง ว่าไหมครับท่านผู้อ่าน!

นิทรรศการ Treasures from the Wreck of the Unbelievable จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Punta della Dogana และพิพิธภัณฑ์ Palazzo Grassi ที่เมืองเวนิซ อิตาลี ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ถึง 3 ธันวาคม ปี 2017 นี้

ใครมีโอกาสแวะไปแถวนั้นก็ไปชมกันได้ตามอัธยาศัย